HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,545 – 1,550 แนวต้าน 1,565 – 1,570 จุด คาดทรงตัวรอรายกำไร บจ.กลุ่ม Real Sector แนะทยอยซื้อช่วงดัชนีอ่อนตัว พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้แนะ KTB หลังกำไร Q1/66 ทำ All time high หุ้น CPALL คาดกำไรฟื้นตัวต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,545 – 1,550 แนวต้าน 1,565 – 1,570 จุด คาดทรงตัวรอรายกำไร บจ.กลุ่ม Real Sector แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนี่อ่อนตัว กลุ่มธนาคาร BBL,SCB, KTB ค้าปลีก CPALL, BJC, MAKRO และ รพ. BH, BCH, CHG, EKH
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.07%, S&P500 +0.09%, Nasdaq +0.11% ได้แรงหนุนจาก PMI ภาคผลิตสหรัฐ เบื้องต้น เม.ย. เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50.4 สูงสุดรอบ 6 เดือน และภาคบริการ เม.ย. อยู่ที่ 53.7 สูงสุดในรอบ 12 เดือน
สัปดาห์ที่ผ่านมา DJIA -0.2%, S&P500 -0.1%, Nasdaq -0.4% WoW จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี, สื่อสาร, ยานยนต์ จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 5,000 ราย อยู่ที่ 245,000 ราย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (LEI) มี.ค. -1.2% & ก.พ. -0.5% MoM กอปรกับ Fed Beige Book ชี้เขตเศรษฐกิจสหรัฐ 12 เขตอยู่ในภาวะชะงักงัน จากการจ้างงานชะลอตัวและธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่ Refinitive คาดกำไร Q1/66 บจ. S&P500 หดตัว -5.2% YoY กดดันภาวการณ์ลงทุนก่อนการประชุมเฟด 2 – 3 พ.ค. โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 80% จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก +0.25%
ส่วน Stoxx600 ยุโรป +0.34% ได้แรงหนุนจากกลุ่มท่องเที่ยว & สันทนาการ หลัง PMI ภาคบริการยูโรโซน เบื้องต้น เม.ย. ปรับขึ้นอยู่ที่ 56.6 และ มี.ค. 55 ขณะที่ประธาน ECB เผยจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในการประชุม 4 พ.ค. แม้ว่าเงินเฟ้อยูโรโซน มี.ค. จะลดลงอยู่ที่ 6.9% และ ก.พ. 8.5% YoY
หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ KTB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท) KTB รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 1 หมื่นล้านบาท +24%QoQ, +15%YoY ขึ้นทำ All time high หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมที่ปรับตัวดีขึ้น โดย NIM ขยายตัวจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และการปล่อยสินเชื่อกลุ่มที่มี Loan Yield สูง ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมผ่าน Digital Platform เติบโตตามฐานจำนวนผู้ใช้งาน ส่วนค่าใช้จ่าย Cost to income ratio ลดลง ทั้งนี้เราคาดกำไรปี 66 อยู่ที่ 3.54 หมื่นล้านบาท +5%YoY หนุนจาก NIM ที่ขยายตัวได้ดี สินเชื่อที่มี Loan Yield สูง ชดเชย Cost of Fund ที่เพิ่มขึ้นได้ ขณะที่ Credit Cost ยังสามารถบริหารจัดการได้
หุ้น CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.50 บาท) เบื้องต้น ประเมินกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 3,588 ล้านบาท (+3.91% YoY, +14.35%QoQ) ยังสามารถฟื้นตัวได้แม้จะมีปัจจัยกดดันจากค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค และต้นทุนทางการเงิน แต่เราคาดว่าการเติบโตที่ดีของรายได้ PostCovid-19 และการกลับมาของนักท่องเที่ยวจะ outweight ปัจจัยลบในด้านค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้ ขณะที่ในระยะถัดไป เราคาดว่าการฟื้นตัวของกำไรจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องจาก 1.การ refinance ของ MAKRO* 2.การใช้จ่ายที่คาดว่าจะสูงขึ้นช่วงสงกรานต์และการเลือกตั้ง 3.อัตราค่าไฟฟ้าft ภาคธุรกิจที่ลดลงในงวดพ.ค. – ส.ค.66 ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิของปี66 และ 67 อยู่ที่ 17,088 ล้านบาท (+28.75%YoY) และ19,327ล้านบาท (+13.11%YoY)
