HoonSmart.com>> “ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย” เปิดกำไรไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 830.1 ล้านบาท ลดลง 21.8% เหตุตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 28% สอดคล้องกับหลักความระมัดระวังและเหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ด้านรายได้จากการดำเนินงาน 3,828.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% สินเชื่อขยายตัว ด้าน NPL ลดลงแตะ 3.1% จาก 3.3% สิ้นปีก่อน หลังปรับโครงสร้างพอร์ตสินทรัพย์ของธนาคารให้สอดคล้องกับการลดลงของสินเชื่อพาณิชย์ธนกิจ
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 830.13 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,061.04 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.03 บาท
นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 3,828.8 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 344.7 ล้านบาท หรือ 9.9% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2565 สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 1.5% และรายได้อื่น 46.5% สุทธิกับการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 15.0% กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 10.2% เป็นจำนวน 1,868.4 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงาน 9.9% สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 9.6%
กำไรสุทธิลดลงจำนวน 230.9 ล้านบาท หรือ 21.8% เป็นจำนวน 830.1 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันสาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 128.0% โดยเป็นการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักความระมัดระวังและเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานงวดสามเดือนปี 2566 และ 2565 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 35.0 ล้านบาท หรือ 1.5% เป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้อื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 367.3 ล้านบาท หรือ 46.5% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเงินลงทุน และกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพสุทธิกับการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจำนวน 57.7 ล้านบาท หรือ 15.0% มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัยและค่าธรรมเนียมจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนปี 2566 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2565 เพิ่มขึ้นจำนวน 171.1 ล้านบาทหรือ 9.6% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขาย อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานงวดสามเดือนปี 2566 อยู่ที่ 51.2% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 อยู่ที่ 51.4% เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับงวดสามเดือนปี 2566 อยู่ที่ 2.6% ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2565 อยู่ที่ 2.8% เป็นผลจากต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น
วันที่ 31 มีนาคม 2566 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 237.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 267.9 พันล้านบาท ลดลง 7.6% จากสิ้นปี 2565 ซึ่งมีจำนวน 289.7 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 88.6% จาก 81.2% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 7.6 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 3.1% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 อยู่ที่ 3.3% เป็นผลจากการปรับโครงสร้างพอร์ตสินทรัพย์ของธนาคารให้สอดคล้องกับการลดลงของสินเชื่อพาณิชย์ธนกิจ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยยังคงมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมขึ้น ตลอดจนได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้ การดำเนินการดูแลและการแก้ไขลูกหนี้ที่ถูกผลกระทบดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 อยู่ที่ 122.6% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 114.6% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 8.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 31 มีนาคม 2566 มีจำนวน 57.8 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 22.2% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อัตรา 16.5%