BAM จ่อขายหุ้นกู้ 7.7 พันลบ. ทริสคงเรทติ้ง A-

HoonSmart.com>>บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) เพิ่มวงเงินในการเสนอขายหุ้นกู้เป็น 7,700 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 3,000 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้เดิมและขยายธุรกิจ  ทริสคงอันดับเครดิตที่ A- สะท้อนประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัท  ในสถานะผู้นำตลาดบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ระดับหนี้-ความสามารถสร้างกำไรในระดับปานกลาง มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย คาดต้นทุนเงินจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.15%-0.2% ตามดอกเบี้ย ส่วนการซื้อหนี้มาบริหาร มีโอกาสเพิ่มขึ้น หลังแบงก์เร่งนำออกมาขายในครึ่งหลังปีนี้ต่อเนื่องปี 67  

บริษัท ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ที่ระดับ A- ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต คงที่ พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 7,700 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปีที่ระดับ A- ด้วยเช่นกัน อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2566 เนื่องจากบริษัทขอเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้จากจำนวนไม่เกิน 3 พันล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหนี้ รวมทั้งใช้ในการดำเนินกิจการและขยายธุรกิจ

อันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัทและสถานะผู้นำตลาดในการเป็นผู้บริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากขนาดของสินทรัพย์ รวมถึงระดับภาระหนี้สินและความสามารถในการสร้างกำไรในระดับปานกลาง และการมีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เรทติ้งถูกลดทอนบางส่วนจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งนอกจากความเสี่ยงในระดับมหภาค และความไม่แน่นอนของกระแสเงินสดแล้ว บริษัทยังเผชิญกับความเสี่ยงสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในสินทรัพย์ภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น ความเสี่ยงในด้านการกำหนดราคาซื้อสินทรัพย์และการกระจุกตัวของสินทรัพย์อีกด้วย ซึ่ง อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานทางการเงินได้หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี แต่ทริสมองว่าความเชี่ยวชาญของบริษัทในการตั้งราคาซื้อขายสินทรัพย์ ตลอดจนกลยุทธ์ในการเลือกลงทุน รวมถึงความหลากหลายของประเภทและสถานที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยลดทอนความเสี่ยงดังกล่าวลงได้ในระดับหนึ่ง

ในปี 2565 ผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทต่ำกว่าที่ทริสคาดไว้เล็กน้อยโดยเป็นผลมาจากการลดลงของเงินสดจัดเก็บจากธุรกิจบริหารทรัพย์สินรอการขาย (NPA) โดยในปี 2565 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 4.8% จากปีก่อนมาอยู่ที่  2,700 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากรายได้ที่ปรับตัวลดลงของธุรกิจบริหารทรัพย์สินรอการขาย  มีเงินสดจัดเก็บรวมเพิ่มขึ้น 6% มาจากธุรกิจบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพดีขึ้น 16% มาจากการมีเงินสดจัดเก็บจากกรมบังคับคดีและการปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้ ขณะที่เงินสดจัดเก็บจากธุรกิจ NPA ลดลง 6% มาจากการชะลอกลยุทธ์ด้านราคาในเชิงรุกและการทำกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการขายแบบเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทใช้เงินลงทุนในการซื้อสินเชื่อด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายเข้ามาบริหารรวมทั้งสิ้นจำนวน  8,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124%  มาจากอุปทานสินเชื่อด้อยคุณภาพในตลาดเพิ่มขึ้น ในอนาคตทริสคาดการณ์ว่าอุปทานสินเชื่อด้อยคุณภาพจะยังคงเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือที่ผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์จนถึงสิ้นปี 2566 นี้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มที่จะเร่งนำสินเชื่อด้อยคุณภาพออกมาจำหน่ายมากยิ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จนถึงตลอดปี 2567 และน่าจะช่วยสนับสนุนแผนการซื้อหนี้ของบริษัท

ความท้าทายที่สำคัญของบริษัทในปี 2566 คือแรงกดดันจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากต้นทุนทางการเงินเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลัก ซึ่งมีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด  แต่ผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นจะค่อย ๆ ทยอยรับรู้เนื่องจากต้นทุนเงินกู้ ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ระยะยาวและบริษัทได้ตรึงต้นทุนการกู้ยืมด้วยหุ้นกู้ระยะยาวเอาไว้แล้ว ทริสประมาณการว่าต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.15%-0.2% ในปี 2566 ซึ่งเทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้นประมาณ 7% ตามประมาณการของทริส

ณ สิ้นปี 2565 บริษัทยังคงมีสภาพคล่องค่อนข้างมากในรูปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่จำนวนประมาณ  7,200 ล้านบาท ทั้งนี้ หากคิดรวมหุ้นกู้ชุดใหม่ที่กำลังจะออกด้วยแล้ว อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.2 เท่าจาก 2.0 เท่า ณ สิ้นปี 2565 (ยังไม่รวมการจ่ายชำระหนี้สินในปี 2566)

ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิต คงที่ สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสว่าบริษัทจะยังคงรักษาผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่งและคงระดับภาระหนี้สินทางการเงินให้อยู่ในระดับปานกลางเอาไว้ได้