บล.กสิกรฯให้แนวต้าน1630 สัปดาห์หน้า ลุ้นกำไรแบงก์

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับที่ 1575 และ 1550  จับตา 2 ปัจจัยชี้นำ ฟันด์โฟลว์-กำไรบจ.ไตรมาส 1/66  ด้านธนาคารกสิกรไทยมองกรอบค่าเงินบาทที่ระดับ 34.00-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ  

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (17-21 เม.ย.) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,575 และ 1,550 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,630 จุด ตามลำดับ โ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 1/66 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนเม.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนเม.ย. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/66 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีก

ในวันพุธ (12 เม.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,592.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.99% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,071.41 ล้านบาท ลดลง 8.81%  ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.71% มาปิดที่ระดับ 545.22 จุด

หุ้นปรับขึ้นจากสัปดาห์ก่อน แต่เผชิญแรงขายลดเสี่ยงก่อนหยุดยาว ทั้งนี้หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคปในหลายอุตสาหกรรมหลังหุ้นร่วงลงแรงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่มีแรงซื้อเข้ามาก่อนการประกาศงบไตรมาส 1/66 และก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD (ผู้ซื้อหุ้นไม่ได้รับสิทธิปันผล) ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานยังมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี หุ้นลดช่วงบวกลงช่วงกลางสัปดาห์ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ ขณะที่ปริมาณซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทั้งนี้กลุ่มนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยอีกครั้งหลังขายสุทธิติดต่อกันมาหลายสัปดาห์

ส่วนค่าเงินบาท สัปดาห์ถัดไป (17-21 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.00-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย ผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลียและธนาคารกลางอินโดนีเซีย และการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน

เงินบาทเผชิญแรงขายช่วงแรก แต่ลดช่วงอ่อนค่าบางส่วนกลางสัปดาห์ ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของตลาดในประเทศเนื่องในเทศกาลสงกรานต์

เงินบาทอ่อนค่าลงท่ามกลางแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์จากโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุม FOMC เดือนพ.ค. หลังข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังมีสัญญาณดีต่อเนื่อง นอกจากนี้การอ่อนค่าลงของเงินเยนและเงินหยวนก็กดดันทิศทางสกุลเงินเอเชียในภาพรวมด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงกลางสัปดาห์ตามราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันจากการขายเพื่อปรับโพสิชันก่อนการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ

ในวันพุธที่ 12 เม.ย. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 เม.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนระหว่างวันที่ 10-12 เม.ย. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยเล็กน้อยที่ 420 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตร 3,468 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 3,229 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้หมดอายุ 239 ล้านบาท)