ผู้ถือหุ้น BCP ไฟเขียว เทกฯ “เอสโซ่” คาดมูลค่า 2-2.2 หมื่นลบ.คืนทุน 4 ปี

HoonSmart.com>>ผู้ถือหุ้น”บางจากฯ (BCP)”เทคะแนน อนุมัติให้เทกโอเวอร์  “เอสโซ่(ESSO)” ซื้อหุ้นจาก ExxonMobil Asia 65.99%  เคาะราคาซื้อขายหุ้น หลังเห็นกำไรไตรมาส 2/66 คาดวิ่งแถว 8-9 บาท มูลค่า 2-2.2 หมื่นล้านบาท มี synergy อีก 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท มั่นใจรายได้คืนทุนใน 4 ปี ดีลจบสิ้นปี เล็งเพิ่มกำลังผลิตโรงกลั่นเอสโซ่ สถานีบริการรวม  2,100 แห่งเปิดศักราชใหม่ของวงการ  ธุรกิจแข็งแรงยิ่งขึ้น ตอบโจทย์หลายอย่าง บริษัทมีเงินสดในมือ 4.5 หมื่นล้านบาท ปีนี้คาดขายหุ้นกู้แค่ 5 หมื่นล้านบาท จากผู้ถือหุ้นอนุมัติวงเงิน 8 หมื่นล้านบาท 

นาย ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติเห็นชอบด้วยคะแนนท่วมท้นให้บริษัทฯซื้อหุ้นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO กลับมาอยู่ในมือของคนไทย ส่วนราคาหุ้นที่จะซื้อขายสุดท้าย  ยังต้องรองบการเงินไตรมาสที่ 2/66 แล้วคำนวณเข้าสูตร คาดราคาวิ่งแถว 8-9 บาท/หุ้น เงินลงทุน 2-2.2 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้นจาก ExxonMobil Asia Holdings จำนวน 2,283.75 ล้านหุ้น คิดเป็น 65.99% ของทุนชำระแล้ว และจะต้องเตรียมเงินไว้ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์จากนักลงทุนทั่วไป ส่วนที่เหลือจำนวน 1,177.11 ล้านหุ้น หรือ 34.01%

” เมื่อได้สูตรราคาหุ้นแล้ว จะคุยกับแบงก์ เพื่อขอสินเชื่อในการซื้อกิจการเอสโซ่ ประมาณไตรมาสที่ 3 หรือ 4 คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะจบทั้งหมด ปัจจุบันมีเงินสดในมือจำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท และยังมีอีบิทดาเป็นบวกทุกเดือน ซึ่งการซื้อกิจการครั้งนี้ได้ synergy เข้ามาอีก 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท คาดว่า 4 ปีก็จะมีรายได้ถึงจุดคุ้มทุน เร็วกว่าการสร้างโรงกลั่น ต้องใช้มากกว่า 5 ปี “นายชัยวัฒน์กล่าว

ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับจากการซื้อกิจการเอสโซ่ จะเสริมจุดอ่อนและจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย เอสโซ่สามารถผลิตน้ำมันเบนซินได้มากกว่าบางจาก และเข้าทางเรือน้ำลึกได้ จึงมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้กับโรงกลั่นเอสโซ่ เพื่อเข้ามาช่วยให้บริษัทมีปริมาณน้ำมันในการจำหน่ายได้เพียงพอกับความต้องการที่ 1.34 แสนบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันมีกำลังการกลั่นที่ 1.23 แสนบาร์เรลต่อวัน ต้องนำเข้ามาบางส่วน

นอกจากนี้ BCP มีส่วนแบ่งตลาดด้านยอดขาย 10.5% ผ่านปั๊ม และอุตสาหกรรม เช่นเครื่องบิน ทางเอสโซ่มีส่วนแบ่งการตลาดเท่ากัน รวมแล้วจะมีสัดส่วนประมาณ 21% ส่วนสถานีบริการ BCP มีจำนวน 1,300 แห่ง  และเอสโซ่มีจำนวน  700-800 แห่ง รวมทั้งสิ้น 2,100 แห่ง เท่ากับส่วนแบ่งตลาดประมาณ 7.4% เทียบกับก่อนรวมเอสโซ่ บางจากฯมีสัดส่วน 5.4%  ซึ่งการมีสถานีบริการถึง 2,100  แห่ง เป็นการเปิดศักราชใหม่ของวงการ ต่อไปนี้ค่อนข้างแข็งแรง และตอบโจทย์หลายอย่าง

อย่างไรก็ตามธุรกิจน้ำมันมีความผันผวน ตามภาวะปกติ จะดีประมาณ 4-5 เดือน อีก 3 เดือนปกติและยังต้องลุ้น 3 เดือน  ส่วนคู่แข่งขันไม่ได้มีเพียงผู้จำหน่ายในประเทศเท่านั้น ตลาดเปิดกว้างจากต่างประเทศ  ขอให้มั่นใจว่าเป็นโรงกลั่นที่ดี ได้รางวัล PQA รางวัลสูงสุดระดับโลก  โรงกลั่น 6 โรงในเมืองไทย เชื่อว่าไม่มีใครได้ บางจากยังมีค่าการกลั่นสูงสุด เนื่องจากมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ปี 2565 มีกำไรสูงกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นครั้งแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ที่ผ่านมาหุ้น BCP  สร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ  สำหรับการถือลงทุน 10 ปี มีการจ่ายเงินปันผลเกิน 15 บาท/หุ้น แนวโน้มยังคงเติบโตที่ดี เพราะมีการขยายการลงทุน

นอกจากนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติวงเงินในการเสนอขายหุ้นกู้ 8 หมื่นล้านบาท ตามแผนการออกหุ้นกู้ในปี 2566 บริษัทมีเงินสดค่อนข้างเยอะ ไม่มีคิดว่าจะออกหุ้นกู้ เต็มวงเงิน  8 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะใช้ 5 หมื่นล้านบาท โครงสร้างเงินกู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ถึง 80%  ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นไม่มาก รวมถึงมีการคุมการก่อหนี้เกิน 8 หมื่นล้านบาทไม้ได้ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องเครดิตเรทติ้งและผู้ถือหุ้นควบคุมได้ ส่วนแผนการลงทุน 5 ปีที่ตั้งไว้  2 แสนล้านบาทยังคงมีการลงทุนตามแผน เหมือนเดิม  อิบิทมดา 4 หมื่นล้านบาท เงื่อไขเก่า 5 หมื่น