“คิงส์ฟอร์ด” วางแนวรับหุ้น 1,556-1,567 จุด แนะ ETC-PR9

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ดัชนี SET ปรับฐานต่ำกว่า Filter ที่ 1,585 จุด ส่งผลให้โมเมนตัมดัชนีอยู่ในทิศทางขาลง โดยมีแนวรับที่ 1556 – 1567 จุด (Fibo. 61.8% – 50%) มีแนวต้าน 1,580 จุด แนะนำทยอยซื้อกลุ่มปลอดภัย เช่น ADVANC,BH,BDMS,GULF,BGRIM,GPSC,ETC

ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.01%, S&P500 +0.36%, Nasdaq +0.76% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีและบริการสื่อสาร +1.7% , กลุ่มอุตสาหกรรมปรับลดลง นำโดยแคทเธอร์ พิลลาร์ -2.0% จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย หลังรายงายผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 1.82 ล.ราย & คาด 1.7 ล.ราย

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ทรงตัวด้วยปริมาณการซื้อขาย 9 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 20 วันที่ 1.27 หมื่นล้านหุ้น ในช่วงวันหยุด Good Friday โดยตลาดกังวลความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่ง Bloomberg ชี้มีโอกาส 65% ที่จะถดถอยในช่วง 1 ปีข้างหน้า หลัง ADP การจ้างงานภาคเอกชน มี.ค. เพิ่มขึ้น 145,000 และ ก.พ. 261,000 ราย เป็นผลกระทบจากนโยบายการเงินตึงตัวของเฟด

ค่ำวันนี้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มี.ค. คาดเพิ่มขึ้น 238,000 และ ก.พ. 311,000 ราย และอัตราว่างงานทรงตัวอยู่ที่ 3.6% สัปดาห์หน้าติดตามรายงานกำไรกลุ่มธนาคารสหรัฐ ว่าจะถูกกระทบจากกรณีปิด SVB, SB หรื่อไม่ โดย Refinitive คาดกำไร บจ. S&P500 Q1/66 จะหดตัว -5% YoY

หุ้นแนะนำ ได้แก่ ETC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท) ETC ชนะโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมจำนวน 10 โครงการ กำลังการผลิตรวม 80 MW เป็นไปตามเป้าที่เราคาดไว้ว่า ETC จะรับการคัดเลือกไม่ต่ำกว่า 5 โครงการ ส่งผลให้กำลังผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มเป็น 96.5MW +485%YoY เบื้องต้นประเมินว่าโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 1 โรง จะมีกำไรสุทธิ 120-130 ล้านบาท/ปี ส่งผลให้กำไรปี 69 จะเติบโตก้าวกระโดด (คิดเป็น CAGR ปี 65-69 ที่ 76%) อย่างไรก็ตามภายใต้สมมติฐานหาก ETC ลงทุนเอง 100% ทั้ง 10 โครงการ อาจจะต้องเพิ่มทุน โดยยังมีแหล่งเงินทุนจากการขอ General Mandate เพิ่มทุน PP 220 ล้านหุ้น ไว้แล้ว และอาจจะต้อง RO บางส่วน ซึ่ง ณ สิ้นปี 65 มีเงินสดในมือ 1.2 พันล้านบาท และ D/E 0.58 เท่า ใช้เงินลงทุนราว 140-160 ล้านบาท/MW สัดส่วน D/E=3:1 หรือมีโอกาสที่จะไม่เพิ่มทุนได้หากมี Partner เข้าร่วมลงทุนราว 50%

หุ้น PR9 (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 22.70 บาท) ประเมินภาพรวมการดำเนินงานในปี2566 จะยังสามารถเห็นการเติบโตได้ โดยปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ(โดยเฉพาะคลีนิก IVF ที่เน้นผู้ป่วยชาวจีน) จะสามารถ outweight รายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับ Covid-19 ได้ นอกจากนี้กลุ่มผู้ป่วย IPD ของ PR9* ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อนที่มีรายได้ต่อบิลสูงกว่าผู้ป่วย Covid-19 โดยทางผุ้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี66 จะเติบโต 12% และ วางงบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ รวมปรับปรุงพื้นที่อาคาร A ชั้น 1 เพื่อรองรับเฉพาะผู้ป่วยชาวต่างชาติ (คาดเปิดกลางปี66)ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี66 และ ปี67 จะขยายตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 614 ลบ.(+8%YoY) และ 688 ลบ.(+12%YoY) ตามลำดับ