ดาวโจนส์บวก 80 จุด Nasdaq ลบ วิตกเศรษฐกิจถดถอย

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 80 จุด  จากกลุ่มเฮลธ์แคร์ ส่วน Nasdaq ลบ วิตกเศรษฐกิจกำลังอ่อนแรง การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 145,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่ 210,000 ตำแหน่ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อ่อนตัวลงมาที่ 3.3%  ด้านตลาดหุ้นยุโรปและราคาน้ำมันดิบลดลง 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 5 เมษายน 2566 ที่ 33,482.72 จุด เพิ่มขึ้น 80.34 จุด หรือ 0.24% ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มเฮลธ์แคร์ ขณะที่อีกสองดัชนีหลักปรับตัวลง เพราะนักลงทุนทิ้งหุ้น growth stocks ท่ามกลางสัญญาณว่าศรษฐกิจสหรัฐกำลังอ่อนตัว

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,090.38 จุด ลดลง 10.22 จุด, -0.25%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,996.86 จุด ลดลง 129.47 จุด, -1.07%

หุ้น High-growth tech ปรับตัวลง โดยหุ้น Zscaler และหุ้น CrowdStrike ลดลง 8.3% และ 6.6% ตามลำดับ หุ้นผู้ผลิตชิปก็ลดลงเช่นกัน โดยหุ้น Advanced Micro Devices ลดลงกว่า 3% หุ้น Nvidia ลดลงกว่า 2%

แต่กลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นจอห์นสันแอดน์จอห์นสันบวก 4.5% หลังประกาศจะใช้เงิน 8.9 พันล้านดอลลาร์ใน 25 ปี ข้างหน้าสำหรับการจัดการกับคดีความที่มีการฟ้องร้องว่าผลิตภัณฑ์แป้งเด็กและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัทมีส่วนผสมของแร่ทัลก์ ซึ่งก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงานการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นเพียง 145,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่า 210,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด หลังจากเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.

ข้อมูลของ ADP สะท้อนว่าการจ้างงานชะลอตัวลง และเป็นรายงานหลังกระทรวงแรงงานเผยแพร่ ข้อมูลการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS) เดือนกุมภาพันธ์เพียงวันเดียว ซึ่งลดลง 632,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.9 ล้านตำแหน่ง ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2021 และต่ำกว่าระดับ 10 ล้านตำแหน่งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ตลอดจนต่ำกว่า 10.4 ล้านตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด

ข้อมูลทั้งสองชุดบ่งชี้ว่าการดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อทำให้ตลาดแรงงานคลายความร้อนแรงนั้นอาจจะได้ผลแล้ว

ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานดัชนีภาคบริการเดือนมีนาคมปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 จาก 55.1 ในเดือนก.พ.และต่ำกว่า 53.8 ที่นักวิเคราะห์คาด
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าคาด ทำให้วิตกว่าเศรษฐกิจอาจจะเกิดภาวะถดถอย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอ่อนตัวลงมาที่ 3.3% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.และต่ำกว่าตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนอยู่ราว 1.5 จุด เป็นส่วนต่างกันมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษและที่ผ่านมาเป็นสัญญานที่เชื่อถือได้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว

กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า สหรัฐขาดดุลการค้ามากกว่าที่คาดในเดือนก.พ. เพราะส่งออกลดลงอย่างมากมาที่ 251.2 พันล้านดอลลาร์ แต่การนำเข้าลดลงเพียง 5 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ขาดดุลการค้าถึง 70.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.9 พันล้านดอลลาร์จากเดือนก่อนหน้า

การส่งออกและการนำเข้าล่าสุดบ่งชี้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจอาจจะต่ำกว่าที่คาดในไตรมาสแรกของปี ด้านการคาดการณ์ GDP ของเฟดสาขาแอตแลนตาบ่งชี้ว่าจะขยายตัวเพียง 1.7% ต่ำกว่า 3.5% ที่ประเมินไว้ในไม่ถึงสองสัปดาห์ก่อน

มาร์ค เฮเฟเล จาก UBS Global Wealth Management กล่าวว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้น เพราะข้อมูลที่แสดงถึงการชะลอตัวชัดเจนขึ้น และเห็นว่านักลงทุนควรเตรัยมพร้อมรับอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดด้วยการพิจารณาโอกาสในตลาดพันธบัตร

บิลล์ อดัมจาก Comerica Bank กล่าวว่า แม้ตลาดแรงงานอ่อนตัวลง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เฟดพิจารณาในการชะลอขึ้นดอกเบี้ย แต่เงินเฟ้อที่จะเผยแพร่ในสัปดาห์หน้าอาจจะทำให้เฟดยังขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เพราะเฟดต้องการให้เงินเฟ้อพื้นฐานชะลอตัวลงมากกว่านี้

นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมีนาคม

ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบหลังบวกติดต่อกันเป็นวันที่สาม จากความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หุ้นแต่ละกลุ่มมีทิศทางที่ต่างกันโดยกลุ่มก่อสร้างบวก 1.8% กลุ่มเฮลธ์แคร์บวก 1.7% แต่กลุ่มธนาคารลดลง 0.7% เพราะนักลงทุนวิเคราะห์การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรกของยูบีเอส หลังการเข้าเทคโอเวอร์ธนาคารเครดิต สวิส
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกถูกครอบงด้วยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่บ่งชี้การชะลอตัว ซึ่งนักลงทุนให้น้ำหนัก 59% ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.

ขณะเดียวกัน S&P Global’s รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(Purchasing Managers’ Index:PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นมาที่ 53.7 จาก 52.0 ในเดือนก.พ. และสูงสุดในรอบ 10 เดือน แต่ต่ำกว่า 54.1 ที่ประเมินเบื้องต้น และต่ำกว่า 54.0 ที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 456.59 จุด ลดลง 0.75 จุด, -0.16%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,662.94 จุด เพิ่มขึ้น 28.42 จุด, +0.37%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,316.30 จุด ลดลง 28.66 จุด, -0.39%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,520.17 จุด ลดลง 83.30 จุด, -0.53%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 80.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 84.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล