HoonSmart.com>> “บล.หยวนต้า” ประเมินวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ มองเป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic play “ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า อสังหาฯ และค้าปลีก” ด้านบล.กรุงศรี พัฒนสิน เชื่อโอกาสสูงกนง.ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายแล้ว คงเป้าดัชนีปลายปี 1,800 จุด ชูธีมหุ้นได้ผลบวกเปิดเมือง บอนด์ยีลด์ผ่านจุดพีค หุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศ ฟาก “บล.เอเซีย พลัส” คัด 10 หุ้นเด่น สภาพคล่องสูง กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) มองวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นที่ใกล้สิ้นสุดลง เป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic play เช่น ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า อสังหาฯ และค้าปลีก เป็นต้น หลังการแถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 29 มี.ค.2566
กนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.75% และปรับลด GDP ปี 2566-67 ลงเล็กน้อยเหลือ 3.6% และ 3.8% จากเดิม 3.7% และ 3.9% ตามลำดับ จากการปรับลดการลงทุนภาคเอกชน, การอุปโภคภาครัฐ, และยอดส่งออก แต่ปรับเพิ่มในส่วนของการบริโภคภาคเอกชน, การลงทุนภาครัฐ, และจำนวนนักท่องเที่ยว (28 ล้านคน จาก 22 ล้านคน) ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดปรับขึ้นเป็น 4.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิม 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้จะปรับลงมาอยู่ในกรอบนโยบายการเงินที่ 1-3% ในช่วงกลางปี และมีการปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีลงเหลือ 2.9% จาก 3.0%
กนง. จะประชุมครั้งถัดไป 31 พ.ค. ถ้าอิงคาดการณ์เงินเฟ้อข้างต้น ประกอบกับ คาดการณ์เงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ที่ประเมินว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะลงมาต่ำกว่า 3.0% ตั้งแต่เดือน เม.ย. โดยบล.หยวนต้าคาดว่า กนง. มีความจำเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังจากนี้น้อยลง
วงจรดอกเบี้ยขาขึ้นที่ใกล้สิ้นสุดลง เรามองเป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic play เช่น ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า อสังหาฯ และค้าปลีก เป็นต้น
บล.เอเซีย พลัส ประเมินการขึ้นดอกเบี้ยตามกลไกเป็นตัวจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยให้แคบลง กดดันตลาดหุ้นช่วงสั้น แต่ในเชิงเปรียบเทียบดอกเบี้ยนโยบายไทยยังต่ำกว่าหลายๆ ประเทศ พร้อมกับกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น 12% สอดคล้องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
“หุ้นเด่นแนะนำ หุ้นสภาพคล่องสูงกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่น AOT, CRC, CBG , HMPRO, SNNP , JMT, AMATA, ADVANC , CK ,STEC” บล.เอเซียพลัส แนะนำ
ด้านบล.กรุงศรี พัฒนสิน เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายแล้ว ถือเป็นการสิ้นสุดวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นก่อนประเทศพัฒนาแล้ว ลดแรงกดดันต่อ SET เพราะจากภาพผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ (Bond Yield) จะผ่านจุดสูงสุด สวนทางทิศทางเศรษฐกิจที่เป็นบวกจะส่งผลดียังกำไรตลาด ช่วยให้ Earnings Yield เพิ่มขึ้น ถ่างกว้างระดับ Equity Risk Premium ขณะที่ในส่วนภาพหุ้นรายอุตสาหกรรม จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันเชิงจิตวิทยาต่อกลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มอสังหาฯ
ขณะที่ความเสี่ยงภาคธนาคารสหรัฐฯและยุโรปที่ กนง. มองภาพกระทบจำกัด และไม่น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกวงกว้าง สอดคล้องกับที่เรามองภาพไว้ นอกจากนี้ การปรับเพิ่มดอกเบี้ยขึ้นครั้งสุดท้ายที่น่าจะผ่านไปแล้ว โดยมี Terminal Rate ในระดับที่ไม่สูงจนสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจเหมือนกลุ่มประเทศพัฒนา (DMs) แล้ว ผสานเศรษฐกิจภายในฟื้นตัวเร่งมองปี 2566-2567 ที่เฉลี่ย 3.7% สูงกว่าระดับศักยภาพของไทยปีละ 3% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่า DMs จากแรงขับเคลื่อนภาคบริการและการเปิดประเทศของจีน (China Reopening) เชื่อว่าจะหนุนโมเมนตัมหุ้นอิงเศรษฐกิจภายใน อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว การบิน ค้าปลีก และธนาคารขับเคลื่อน SET ต่อ
ในมุมกำไรตลาดความเสี่ยงภาคธนาคารสหรัฐฯและยุโรปสอดคล้องกับที่เรามอง เชื่อว่าจะจำกัดความเสี่ยงราคาพลังงานที่อาจเหวี่ยงลงแรง และเริ่มเสถียรมากขึ้นในปัจจุบัน ช่วยประคองกำไรกลุ่มพลังงานที่มีความเสี่ยงสร้างความผันผวนกำไรตลาด ผสานกำไรกลุ่มอิงเศรษฐกิจภายในที่เห็นภาพดีขึ้นต่อเนื่อง เราเชื่อว่ากำไรตลาดจะยังอยู่ในกรอบที่ KCS ประเมินระดับ 101.5 บาท ผสาน จิตวิทยาบวกการเดินหน้าสู่เลือกตั้งใหญ่ที่รออยู่ อิง ERP เฉลี่ย 3.06% เรายังคงเป้าหมาย SET ปี 2566 ที่ 1,800 จุด
บล.กรุงศรี พัฒนสิน เชื่อว่า SET จะแกว่งขึ้นต่อเนื่องจากภาพดังกล่าว เชิงกลยุทธ์ยังมองโครงสร้างหุ้นในธีม China Reopening เด่น (AOT, ERW, CENTEL, CPALL, MAKRO, CRC, AMATA, WHA, SCGP, PTTGC, SNNP, DOHOME) และ Anti-Commodities (GPSC, GULF, SAWAD, SC, SIRI) รับภาพบวก Bond Yield ผ่านจุดพีค หุ้นอิงเศรษฐกิจภายใน (ADVANC, HMPRO, BBL, KBANK, SCB)
อ่านข่าว