“คิงส์ฟอร์ด” แนะ BCPG-HTC ระวังแรงขายหุ้นแถวดัชนี 1,600 จุด

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,580 – 1,585 แนวต้าน 1,600 – 1,610 จุด ดัชนีปรับขึ้นสะท้อนปัจจัยบวกอุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวดีจากภาคท่องเที่ยว แต่ระยะสั้นต้องระวังแรงขายบริเวณแนวต้านเทคนิค แนะนำซื้อเก็งกำไร SVI, KAMART, NYT สัญญาณทางเทคนิคหนุน พร้อมคัดหุ้นวันนี้แนะ BCPG, HTC

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,580 – 1,585 แนวต้าน 1,600 – 1,610 จุด โดยดัชนีปรับขึ้นสะท้อนปัจจัยบวกอุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวดีจากภาคท่องเที่ยว แต่ระยะสั้นต้องระวังแรงขายบริเวณแนวต้านเทคนิค แนะนำซื้อเก็งกำไร SVI, KAMART, NYT สัญญาณทางเทคนิคหนุน

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BCPG (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.20 บาท) กำไรปกติใน 1Q66 ยังถูกกดดันจากปริมาณขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาวที่เป็นช่วง Low Season รวมถึงยังมีการหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อก่อสร้างสายส่ง นอกจากนี้ยังมี Solar Farm ในประเทศไทยบางโครงการที่ Adder ทยอยหมดลง

อย่างไรก็ตามมองว่าราคาหุ้นได้ลงมาสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวแล้ว ซึ่งกำไรที่คาดว่าจะลดลงในปี 66 บางส่วนจะชดเชยด้วยการปรับขึ้นค่า Ft ขึ้นในรอบ ม.ค.-เม.ย. และ พ.ค.-ส.ค.รวมถึงการลงทุนโครงการใหม่ 2 โครงการ เข้าช่วยเติม Adder ที่หายไปและโครงการลมไต้หวันที่ล่าช้าได้บางส่วน

การลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ กำลังการผลิตตามสัดส่วนรวม 151 MWe สามารถรับรู้ผลประกอบการได้ทันที (เข้าเต็มไตรมาสใน 2Q66) คาดกำไรราว 200-300 ล้านบาท/ปี และธุรกิจคลังจัดเก็บน้ำมันและท่าเทียบเรือที่จะเริ่มรับรู้กำไรเข้ามา 100-200 ล้านบาท/ปี (รับรู้ช่วง 2H66) ส่งผลกำไรน่าจะทยอยฟื้นตัวใน 2Q66 และเข้า Season ของ Hydro ในช่วง 2H66 ตามลำดับ

หุ้น HTC (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.25 บาท) ประเมินภาพการดำเนินงานในปี66 จะสามารถฟื้นตัวได้ดีโดยในฝั่งของรายได้มีแรงหนุนจาก Covid-19 คลี่คลาย การกลับมาของนักท่องเที่ยว การปรับราคาสินค้าขึ้น และ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ(ต.ค65) นอกจากนี้ทางบริษัทเองยังจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50%(คาดว่าจะเริ่มผลิตในปีนี้) ด้านฝั่งมาร์จิ้น คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนที่ผ่อนคลายขึ้น ทั้งต้นทุนเชื้อเพลิง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์

ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี66 และ ปี67 จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 65 ที่ 2.16 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 2.70 บาท/หุ้น, และ 2.99 บาท/หุ้น ตามลำดับ