บลจ.เอ็กซ์สปริงรุก Private Market ดัน AUM แตะ 1.2-1.5 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>> “บลจ.เอ็กซ์สปริง” ตั้งเป้าปั๊ม AUM ปี 66 โตแตะ 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,700-5,700 ล้านบาท บุก Private Market เสิร์ฟลูกค้ากองทุนส่วนบุคคล รุกเพิ่มตัวแทนขายอิสระ ควบคู่ธุรกิจตัวแทนขายกองทุนรวมให้บลจ. 16 แห่ง คาดปิดดีลเพิ่มอีก 3 แห่งใน 1-2 เดือนนี้ ปั๊มยอดขายเติบโตแตะ 3,000-4,000 ล้านบาท พร้อมมองบวกหุ้นไทย ให้เป้าดัชนี 1,730 จุด หลังเลือกตั้ง 3-6 เดือนหุ้นแรลลี่

ยศกร ฟอลเล็ต

นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็กซ์สปริง (XSpring AM) เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) เพิ่มขึ้นแตะ 12,000-15,000 ล้านบาท จากสิ้นปีที่ผ่านมามีมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ 9,300 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นกองทุนส่วนบุคคล (PF) มูลค่ากว่า 9,240 ล้านบาทที่เหลือเป็นกองทุนรวม (MF) โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าสถาบันและไฮเน็ตเวิร์ค

บริษัทมีแผนออกกองทุนที่แตกต่างจากบลจ.แห่งอื่น โดยโฟกัสที่ Private Market เช่น Private Equity, Private Real Estate Deal, Private Debt ซึ่งบริษัทมีความได้เปรียบจากการที่บริษัท แสนสิริถือหุ้น ได้ข้อมูลเชิงลึก นอกจากนี้มีแผนร่วมเสนอบริหารพอร์ตจุฬาเพิ่มจากปัจจุบันบริหารจัดการเงินลงทุนแล้ว 2,000 ล้านบาท ซึ่งปีที่ผ่านมาบริหารผลตอบแทนได้ดี

สำหรับธุรกิจการเป็นนายหน้าค้าและจัดจำหน่ายกองทุนรวม (LBDU) ซึ่งได้รับใบอนุญาตและเริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อกลางเดือนส.ค.2565 ปัจจุบันเป็นพาร์ทเนอร์กับบลจ. 15-16 แห่งและใน 1-2 เดือนนี้จะเพิ่มเป็น 19-20 ราย ส่วนมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำ (AUA) สิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 300 ล้านบาท และแผนในปี 2566 นี้จะเพิ่มเป็น 3,000-4,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าการเติบโตจากที่ปรึกษาการเงินอิสระจากปัจจุบันมีจำนวน 17 คนและตั้งเป้าสิ้นปีเพิ่มเป็น 40-50 คน โดยที่ปรึกษาการเงินอิสระ 1 คนต่อยอดขาย 20 ล้านบาท

“เราจะทำสองส่วน Private Market ที่เรามีความรู้ ขณะที่กองทุนรวมเราก็ไม่ได้ปิดโอกาส แต่การออกกองทุนรวมแต่ละกองต้องใช้เวลา เราจึงวางแผนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลที่สามารถออกกองทุนได้ทุกเดือน โฟกัสที่ Private Market โดยเราวางตัวเองเป็นบลจ.บูธิค วางตัวเป็นคนขายทุกอย่าง เริ่มจาก LBDU ก่อน”นายยศกร กล่าว

นอกจากนี้มีแผนเปิดตัวเว็บไซต์ในไตรมาส 3 นี้และโมบาย แอปพลิเคชั่นในลำดับต่อไป เพื่อมีโปรดักส์นำเสนอลูกค้าที่เป็นกลุ่มรีเทล ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์คก็จะมีเจ้าหน้าที่การขายดูแลใกล้ชิด

นายยศกร กล่าวว่า มุมมองการลงทุนชอบหุ้นไทยมากกว่าหุ้นต่างประเทศ จากปัจจัยการเลือกตั้งในประเทศหนุน 3-6 เดือนตลาดหุ้นจะแรลลี่ โดยมองเป้าหมายดัชนีปีนี้ 1,730 จุด ประมาณ 10% จากดัชนีปัจจุบัน ขณะที่ระยะสั้นไปจนถึงหลังเลือกตั้งวางกรอบเคลื่อนไหว 1,520-1,580 จุด โดยมองกล่มที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง เช่น กลุ่มพาณิชย์ รับเหมาก่อสร้าง นิคมอุตสาหกรรม สื่อและสิ่งพิมพ์น่าสนใจ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวดีช่วยภาคบริการและส่งเสริม GDP

ส่วนฟันด์โฟลว์นั้นมองว่าหากการเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อยก็มีโอกาสไหลเข้ามา เนื่องจากสหรัฐและยุโรปเศรษฐกิจถดถอยและอาจทำให้เฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยมาก อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสแรกเงินไหลเข้าตลาดตราสารหนี้มากกว่าหุ้น แต่เชื่อว่าหลังจากเลือกตั้งเงินน่าจะไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น นักลงทุนมีความมั่นใจ โดยกลุ่มที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติคือหุ้นใน SET50

นายยศกร กล่าวว่า สำหรับพอร์ตการลงทุนที่แนะนำให้ลูกค้า แบ่งเป็นการลงทุนในหุ้นกู้และหุ้นทั่วโลกสัดส่วน 50-60% ของมูลค่ารวม ที่เหลือเป็น Private Asset ประมาณ 10-15% ธีมเมติค, กองทุนหุ้นจีน ไทย 5-6% โดยมีผลตอบแทนคาดหวัง 6-8%