BEAUTY กางแผนปี 66 ตั้งเป้า “เทิร์นอะราวด์” รายได้พุ่ง 68%

HoonSmart.com>> “บิวตี้ คอมมูนิตี้” มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไร ตั้งเป้ารายได้ 620 ล้านบาท โต 68% หลังปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รับอานิสงส์เศรษฐกิจในประเทศฟื้น การท่องเที่ยวคัมแบ็ค กระตุ้นกำลังซื้อ พร้อมเดินหน้าเชิงรุกขยายช่องทางขายทั้งค้าปลีก-ต่างประเทศ-เทรดดิ้ง

ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวภายใต้แนวคิด Live a Beautiful Life เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าปี 2566 ผลประกอบการจะพลิกมีกำไร โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 620 ล้านบาท เติบโต 68% รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 4% หลังปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานมากขึ้นและควบคุมต้นทุนในการบริหารและการขายให้อยู่ในระดับคงที่ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว และการท่องเที่ยวทยอยกลับมา จะส่งผลบวกต่อธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับการดำเนินงานปีนี้ บริษัทวางกลยุทธ์เพิ่มยอดจำหน่ายทุกช่องทาง ประกอบด้วย ค้าปลีก (Retail Business) คิดเป็นสัดส่วน 51.8% ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทจะปรับโมเดลธุรกิจให้มีประสิทธิภาพการทำกำไรมากขึ้น อาทิ การปรับปรุงให้สาขาสามารถขายสินค้าสู่ร้านค้าทั่วไปได้ พร้อมปรับรูปแบบร้านค้าใหม่ให้มีขนาดเล็กลง แต่มีศักยภาพในการขายมากขึ้น

BEAUTY BUFFET SHOP รูปแบบใหม่จำนวน 10 แห่ง มีกระแสตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอดขายเติบโตขึ้นทุกจุดจำหน่าย ซึ่งบริษัทฯ มีแผนขยายช่องทางจำหน่ายและปรับปรุงเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการสื่อสารการตลาดด้วยภาพลักษณ์ใหม่ ด้วยกลยุทธ์แบบ O2O เต็มรูปแบบและพรีเซนเตอร์ที่หลากหลาย ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มสาขาใหม่อีก 10 สาขา

ล่าสุดบริษัทมีแผนขยายช่องทางการขายรูปแบบใหม่ โดยให้สิทธิ์การเปิดร้านค้า (Shop License) แบบ KIOSK License เพื่อกระจายสาขาให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า เน้นโลเคชั่นในห้างสรรพสินค้าและย่านการค้าที่ใกล้แหล่งชุมชนและแหล่งทำเลการค้าต่างๆ ขณะเดียวกันเป็นการเปิดโอกาสให้พันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นบุคคลทั่วไป ผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีความสนใจในธุรกิจเครื่องสำอาง ได้มีโอกาสเข้าสู่ธุรกิจอย่างมีศักยภาพ สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม และแข่งขันกับแบรนด์เครื่องสำอางทุกประเภทได้อย่างครอบคลุม ผ่านแบรนด์ของ BEAUTY BUFFET ที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน

ขณะที่ช่องทาง E-Commerce ขยายแพลตฟอร์มการเข้าถึงสินค้าให้มีความหลากหลายทั้งเว็บไซต์ของบริษัท, Market Place ชั้นนำ และ Social Media ที่มีศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการการเข้าถึงได้ทุกช่องทาง สั่งซื้อง่ายและได้รับสินค้าถูกต้อง รวดเร็ว พร้อมมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถการนำเสนอสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น เพิ่มกิจกรรมการตลาดผ่านแอปพลิเคชั่น “Beauty Buffet Club” ศูนย์รวมข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก รวมถึงสะสมแต้มเพื่อแลกส่วนลดจากแบรนด์ชั้นนำที่ร่วมรายการ เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าสมาชิกที่มีอยู่กว่า 3 ล้านรายด้วยโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่ร่วมกับพันธมิตรมากมาย พัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้ามีแรงจูงใจ และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้า

ตลาดต่างประเทศ (Overseas Business) คิดเป็นสัดส่วน 29.3% ของรายได้รวม โดยจะขยายตลาดตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายใน 13 ประเทศ ประกอบด้วย จีน, ซาอุดิอาระเบีย, ฮ่องกง, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, พม่า, ลาว, มาลเซีย, สิงคโปร์, อินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งยอดขายในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีสัญญาณที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะเดียวกันจะเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มากขึ้น พร้อมพัฒนาโมเดลการขายใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตร เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่างๆ ขายของได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ทั้งขายปลีกให้กลุ่มผู้บริโภคและขายส่งให้ร้านค้า

ธุรกิจเทรดดิ้ง (Trading Business) คิดเป็นสัดส่วน 18.9% ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าขยายช่องทางหน่ายสินค้าผ่าน Modern Trade อาทิ แมคโคร, เพียวฟาร์มาซี, 7-11 และ แฟมิลี่มาร์ท โดยคาดว่าทั้งปีจะมีจุดจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดรวมมากกว่า 7,700 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่ช่องทางจำหน่ายผ่าน General Trade ตั้งเป้ามีสินค้าวางจำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนขายจำนวน 4,385 ร้านค้า พร้อมเพิ่มจำนวนสินค้า (SKUs) ที่จำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ และการเข้าถึงผลิตภัณฑ์

“บริษัทมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงวางแผนการตลาดด้วยภาพลักษณ์ใหม่ พร้อมมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถการทำกำไร ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ในเกณฑ์ดี เชื่อว่าจะส่งผลให้ บริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” ดร.พีระพงษ์ กล่าว