HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 8.01 จุด แกว่งไซด์เวย์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนวิกฤตธนาคาร-การประชุมเฟด-สถานการณ์ยูเครน ด้านกลยุทธ์ มองความกังวลต่อปัญหาธนาคารยุโรปลดลง แต่ยังไม่หมดไป จึงประเมินว่าผลที่ตามมาจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจึงมีอยู่จำกัด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 21 มี.ค.2566 ณ เวลา 9.57 น. อยู่ที่ระดับ 1,563.46 จุด เพิ่มขึ้น 8.01 จุด หรือ +0.51% มูลค่าซื้อขาย 1,115.40 ล้านบาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) คาดดัชนีฯเคลื่อนไหวไซด์เวย์ ความไม่แน่นอน (วิกฤตธนาคาร-เฟด-ยูเครน) ยังอยู่ในตลาด โดยสถานการณ์ตัวแปรต่าง ๆ ยังดูไม่ค่อยดีนัก ทั้งเรื่องของธนาคารกลางยุโรปที่เหมือนดูจะแก้ไขได้เพียงแค่ครึ่งทาง และวันนี้จะเริ่มมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจะทราบผลในวันนี้พรุ่งนี้ คาดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จากวิกฤตธนาคารที่ฉุดไว้
ปูติน ผู้นำรัสเซีย และสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จะมีการหารือกันวันนี้ ซึ่งหากผลออกมาดี จะเป็นตัวแปรที่ช่วยตลาด อย่างไรก็ตามก็ยังต้องจับตาในเรื่องของจีนด้วยเช่นกันว่าจะมีการออกมาตรการเศรษฐกิจหรือไม่
วันนี้จะมีการประชุม ครม. นัดแรกหลังการประกาศยุบสภาฯ ไปวานนี้(20) แต่ไม่ได้มีการเสนอวาระพิจารณาเนื่องจากเป็นเพียงรักษาการ และ กกต. จะมีการประชุม เพื่อหารือเรื่องกำหนดการวันเลือกตั้ง – เปิดรับสมัคร ส.ส. คาดการเลือกตั้งจะอยู่ในช่วงวันที่ 14 พ.ค.
นักลงทุนต่างชาติ ยังเทขายหุ้นไทยต่อเนื่อง วานนี้ ขายสุทธิ 3.4 พันล้านบาท ความกังวลจากตัวแปรรอบด้านยังเป็นตัวฉุดตลาดหุ้นไทย
การเมืองไทย จาก Poll ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ที่ดูเหมือนว่าเสียงของรัฐบาลยังมีมากกว่าฝ่ายค้าน และรัฐบาลยังเป็นขั้วเดิม ทำให้เรามองว่าการเกิด Election Rally ในช่วงก่อนเลือกตั้งอาจจะไม่เกิดขึ้น เพราะความไม่แน่ใจของนักลงทุน
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ และยอดขายรถยนต์อียู
ด้านกลยุทธ์ มองความกังวลต่อปัญหาธนาคารยุโรปลดลง แต่ยังไม่หมดไป จึงประเมินว่าผลที่ตามมาจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจึงมีอยู่จำกัด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
DELTA อยู่ที่ 996.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.00 บาท หรือ +1.63% มูลค่าซื้อขาย 125.89 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 61.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 113.49 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 138.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ +1.47% มูลค่าซื้อขาย 88.09 ล้านบาท
KTB อยู่ที่ 16.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +0.60% มูลค่าซื้อขาย 49.95 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 130.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.77% มูลค่าซื้อขาย 47.86 ล้านบาท