HoonSmart.com>>หุ้นไทยเหวี่ยงรุนแรง บวก 6 จุด ก่อนถลาลงลึกที่สุุด 20 จุด และฟื้นปิดลบ 8.22 จุด ได้ยุบสภาช่วย แต่เจอแรงขายจากตลาดยุโรปเปิดในช่วงบ่าย เทกระจาดแบงก์กรุงเทพ-กสิกรไทย-หุ้นที่มีการออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ หลังธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ไม่ช่วยเหลือผู้ที่ถือตราสารไม่มีวันหมดอายุของเครดิตสวิส กังวลถึง HSBC ด้วย ตลาดรอเฟดเคาะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่วนราชกิจจาฯ ประกาศยุบสภาแล้ว ‘วิษณุ เครืองาม’ คาดเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 บล.ดาโอ แนะซื้อ AMATA,WHA,CK บล.หยวนต้าเชียร์ค้าปลีก
ตลาดหุ้นวันที่ 17 มี.ค.2566 ไปต่อไม่ไหว ดัชนีปิดที่ระดับ 1,555.45 จุด ลดลง 8.22 จุด หรือ -0.53% มูลค่าซื้อขาย 62,838.25 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,480.83 ล้านบาท แลกมัดนักลงทุนไทยซื้อ 3,493.18 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ต่างชาติขายตราสารหนี้ 6,193 ล้านบาท และกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 12,995 ล้านบาท
ด้านราคาทองในประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงถึง 15 ครั้ง ปิดเพิ่มขึ้นบาทละ 250 บาท โดย ทองคำแท่ง รับซื้อที่ 31,900 บาท และ ขายออก 32,000 บาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า หุ้นในช่วงบ่ายนี้ดัชนีฯได้ร่วงไปแตะ 20 จุด ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาในลักษณะลดช่วงลบ หลังข่าวในหลวงโปรดเกล้าพ.ร.ฎ.ยุบสภาแล้ว ทำให้ Timeline การเลือกตั้งชัดเจนขึ้น
ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างติดลบเฉลี่ย 0.7-0.8% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ปรับตัวลงเฉลี่ย 1% จากความกังวลธนาคารในภูมิภาคจะเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับ”เครดิต สวิส-CS” หลังจากที่ทางการของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ได้ออกมาบอกว่า ผู้ที่ถือตราสารไม่มีวันหมดอายุ (หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์)จะได้รับความเสียหาย ทำให้มีการคิดเชื่อมโยงต่อไปถึง HSBC ซึ่งเป็นผู้ออกตราสารที่ไม่มีวันหมดอายุ ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน แม้แต่ธนาคารขนาดใหญ่ของไทย และ บริษัทจดทะเบียนไทยหลายแห่งก็มีการออกตราสารที่ไม่มีวันหมดอายุเช่นเดียวกัน ดังนั้นทั้งผู้ถือ และผู้ออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ ต่างก็มีความเสี่ยง ซึ่งตราสารประเภทนี้จะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงจูงใจนักลงทุน
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค) หากไม่มีข่าวร้าย ตลาดก็คงจะเคลื่อนไหวในลักษณะทรงตัว อาจขยับขึ้นได้เล็กน้อย แต่ไปได้ไม่ไกล เนื่องจากรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสรหัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21-22 มี.ค.นี้ พร้อมให้แนวรับ 1,540 จุด แนวต้าน 1,570-1,575 จุด
สำหรับหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ได้รับความนิยมของบริษัทจดทะเบียนไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถนับเป็นเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Additional Tier 1 หรือ AT1) ได้ เมื่อปี 2563 ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ประสบความสำเร็จในการเสนอขายนักลงทุนต่างชาติ มูลค่า 750 ล้านดอลลาร์ กำหนดดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรก 5.00%ต่อปี ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ออกตามมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 11,500 ล้านบาท ดอกเบี้ย 4.00% วันนี้ ถูกเทขายลงมา จากระดับราคาสูงสุดที่ 132 บาท ไหลลงไปต่ำสุดแตะ 128 บาท ก่อนฟื้นมาปิดที่ 129.50 บาทติดลบ 2.50 บาทหรือ -1.89% และหุ้น BBL ขึ้นไปสูงสุดถึง 152 บาท ก็ถูกทิ้งลงไปต่ำสุด 148.50 บาทและปิดที่ 150.50 บาท ลดลง 3 บาทหรือ-1.95%
นอกจากนี้หุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT)ที่เพิ่งประสบความสำเร็จในการขายหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ชุดใหม่ ก็ถูกทิ้งลงในช่วงบ่าย จากที่ขึ้นไปสูงสุด 32.25 บาท มาปิดต่ำสุดที่ 31.25 บาทลดลง 0.75 บาทหรือ -2.34%
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับลง จากประเด็นกรณีมีการเทขาย ตราสารทางการเงินที่นับเป็นกองทุนสำรองส่วนเพิ่มชั้นที่ 1 (AT1) ซึ่งมีมูลค่ารวมกัน 275 พันล้านดอลลาร์ หลังผู้ถือ AT1 ของเครดิตสวิส (CS) ไม่ได้รับสิทธิในการเรียกร้องเลย (มูลค่า 1.7 หมื่นลhานเหรียญ) ทั้งที่ผู้ถือหุ้นสามัญยังได้รับเงินคืนบ้าง (3.25 พันล้านเหรียญ) มองว่ามีผลจำกัดต่อกลุ่มแบงก์ไทย เนื่องจาก1.ธนาคารไทยมีเงินกองทุนสำรองชั้นที่ 1 (Core Tier I) ที่สูงอยู่แล้ว 2.ธนาคารไทยส่วนมี AT1 เพียง 3% ของเงินกองทุน 3.แม้ราคา AT1 ในตลาดของธนาคารจะปรับตัวลดลง แต่ไม่ต้อง mark to market เพราะธนาคารเป็นผู้ออกตราสาร มิใช่ผู้ถือตราสารดังกล่าว
คำแนะนำระหว่างความผันผวนทยอยหาจังหวะลงทุนเพิ่มในธนาคารที่มองว่าปลอดภัย BBL, KTB, TTB, TISCO (สำหรับ dividend play และ low beta)
ส่วนราชกิจจาฯ ประกาศยุบสภาแล้ว นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ภายในวันศุกร์นี้(24 มี.ค.66) กกต.จะสามารถประกาศกำหนดวันเลือกตั้งได้ หากมีการยุบสภาฯในวันนี้หรือในวันพรุ่งนี้ ก็คาดว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.66 พร้อมยืนยันว่าไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. หรือ 14 พ.ค. จะไม่มีความแตกต่างและนัยทางการเมือง
บล.ดาโอ แนะนำซื้อหุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง ได้แก่ AMATA ราคาเป้าหมาย 25 บาท ,WHA เป้า 4.50 บาท และ CK เป้าหมาย 26 บาท
“ราคาหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และรับเหมาก่อสร้าง มักจะปรับตัวขึ้น 5-6% ในช่วงเลือกตั้ง จึงคงน้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด “บล.ดาโอระบุ
ด้านบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) อ้างอิงข้อมูลในอดีต 20 ปีที่ผ่านมา ครอบคลุมการยุบสภาฯ 6 ครั้ง พบว่า 1 วันหลังยุบสภาฯ เป็นช่วงที่ SET INDEX ให้ผลตอบแทนดีที่สุด โดยบวกเฉลี่ย +1.2% ด้วยความน่าจะเป็น 67% กลุ่มที่ขึ้นเด่นคือ ค้าปลีก ส่วน Domestic play อื่น เช่น ธนาคารพาณิชย์, เครื่องดื่ม, สื่อสาร, ไฟแนนซ์, สื่อและสิ่งพิมพ์ เราคาดว่าจะได้อานิสงส์เชิงบวกรอบนี้ด้วย เพราะเม็ดเงินในการจัดกิจกรรมเลือกตั้ง 2 เดือนหลังจากนี้ จะสะพัดมากกว่าทุกครั้ง ส่วนหุ้นเชื่อมโยงการเมืองจะเคลื่อนไหวตามผลโพล