HoonSmart.com>> “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินประชุม FOMC 21 – 22 มี.ค. คาดเฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ท่ามกลางเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่เฟดคงส่งสัญญาณให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดการเงินว่าประเด็นธนาคารสหรัฐฯ ปิดกิจการจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาเชิงระบบในวงกว้าง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินในการประชุม FOMC วันที่ 21-22 มี.ค. นี้ คาดว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 4.75-5.00% หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.พ. ยังอยู่ในระดับสูง แม้จะเริ่มชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นธนาคารสหรัฐฯ เผชิญปัญหาสภาพคล่องและต้องปิดกิจการลง เฟดมีแนวโน้มที่จะให้น้ำหนักต่อประเด็นด้านเสถียรภาพตลาดการเงินมากขึ้น ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะลดความแข็งกร้าวลง
ในขณะที่มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00% โดยหลังจากสถานการณ์การปิดตัวลงของบางธนาคารในสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดมุมมองของตลาดถึงความเป็นไปได้ที่เฟดอาจระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อภาคธนาคารสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าหากเฟดระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจยิ่งก่อให้เกิดความผัวผวนในตลาดการเงิน โดยจะยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่าเฟดมองประเด็นนี้เป็นปัญหาใหญ่จึงจำเป็นต้องระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายออกไปก่อนแม้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ คาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดการเงินว่าประเด็นธนาคารสหรัฐฯ ที่เผชิญปัญหาสภาพคล่องและต้องปิดกิจการลงนั้นยังสามารถควบคุมได้ และจะไม่ลุกลามจนก่อให้เกิดปัญหาเชิงระบบในวงกว้าง เพื่อลดความวิตกกังวลของตลาด
อย่างไรก็ดี เนื่องจากเฟดคงต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพตลาดการเงินมากขึ้น ดังนั้น ยังต้องติดตามการส่งสัญญาณถึงเส้นทางดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนอยู่สูง โดยคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดการเงินสหรัฐฯ ตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่ออกมา รวมถึงมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวของเฟดในช่วงที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้ธนาคารสหรัฐฯ 3 แห่งเผชิญปัญหาสภาพคล่องและปิดกิจการลง ซึ่งสะท้อนว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวของเฟดในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลในการกดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคภายในสิ้นปีนี้จึงมีมากขึ้น ซึ่งหากเฟดให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและเสถียรภาพตลาดการเงินมากขึ้น มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจหยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ หรืออาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้