IPO สบายใจได้ หุ้นขนาดใหญ่ “โอสถสภา” สอบผ่าน แจกกำไร 9% BGC ลงสนาม 18 ต.ค.นี้ เหนือจอง 10.20 บาทสบาย ชูจุดแข็งกำไรครึ่งปีพุ่ง 307%
โอสถสภา เป็นหุ้นใหม่ตัวที่ 3 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 2561 เป็นหุ้นที่มีอายุมากที่สุด 127 ปี และมีขนาดใหญ่ที่สุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาไอพีโอ รวม 75,093.75 ล้านบาท และมูลค่าเพิ่มเป็น 81,852 ล้านบาท เมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาปิดที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 9% จากราคา IPO หุ้นละ 25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 10,749.67 ล้านบาท สูงเป็นอันดับหนึ่งของตลาด
หุ้น OSP เปิดตลาดราคาพุ่งแตะ 30 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท หรือ 20% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวัน และลงต่ำสุดที่ 27 บาท รวมทั้งมีการซื้อขายบิ๊กล็อต จำนวน 36 รายการ จำนวน 135,168,700 หุ้น มูลค่าการซื้อขายรวม 3,379.22 ล้านบาท ในราคาหุ้นละ 25 บาท เท่ากับราคาไอพีโอ คาดว่าเป็นของนายนิติ โอสถานุเคราะห์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประสงค์จะขายหุ้นที่ถืออยู่จำนวนดังกล่าวในวันแรกที่หุ้น OSP เข้าซื้อขายส่งผลให้นายนิติ ลดสัดส่วนการถือหุ้นจากเดิม 25% หรือจำนวน 624,250,000 หุ้น เหลือจำนวน 16.28% ของทุนเรียกชำระแล้ว
อย่างไรก็ตามผลตอบแทนในวันแรกที่หุ้นเข้าตลาด แกว่งขึ้นลงตามภาวะตลาด โดยรวมให้กำไรใกล้เคียงกับหุ้นใหม่ 2 ตัวที่เข้าก่อนหน้านี้ คือ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) 11.57% และบริษัท เคมีแมน (CMAN) ให้ผลตอบแทน 13.54% ทั้งนี้ไม่นับรวม บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ (COTTO) ที่เกิดขึ้นจากการวมบริษัทเซรามิคของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCC) กลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้งวันที่ 3 ส.ค.2561
ขณะที่หุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) มีจำนวน 6 บริษัท กลับให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า โดย บริษัท เอ็ม วิชั่น (MPV) ให้ผลตบอบแทนวันแรกสูงสุด ถึง 71.58% จากราคาไอพีโอ 1.90 บาท ปิดที่ระดับ 3.26 บาท
บริษัทบีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อาหารและยา จะนำหุ้นเข้าซื้อขายใน SET วันที่ 18 ต.ค.2561 มีลุ้นราคาน่าจะสูงกว่าไอพีโอที่ 10.20 บาท จากโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแรง และกำไรเติบโตก้าวกระโดด ไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิ 91.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.45 ล้านบาท เติบโตถึง 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเพียง 65.03 ล้านบาทและรวม 6 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิ 257.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 194.07 ล้านบาท ทะยานขึ้น 307% จากที่มีกำไรสุทธิ 63.08 ล้านบาท
ส่วนน้องใหม่ mai บริษัทโซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC) หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค จะเข้าซื้อขายในวันที่ 19 ต.ค. 2561 เสนอขายไอพีโอ 150 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.95 บาท
นางพรธิดา บุญสา กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการสายการเงิน บริษัท โอสถสภา คาดรายได้และกำไรปีนี้จะดีกว่าปีก่อน ที่มีรายได้ 2.6 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,830 ล้านบาท โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง โรงงานผลิตขวดแก้วกลับมาผลิตปกติจากที่ปิดปรับปรุงไปในช่วงครึ่งปีแรก และกำลังซื้อดีขึ้นตามเศรษฐกิจ การส่งออก และภาครัฐมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ
บริษัทตั้งเป้าใน 3-5 ปี (ปี 2562-2566) สัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 16% บริษัทศึกษาการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงเวียดนามและจีน ปัจจุบันส่งออกไปแล้วกว่า 25 ประเทศ อาทิ สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา เป็นต้น
ด้านนายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร ของ OSP กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินไอพีโอไปพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตต่อไป โดยยืนยันว่าจะใช้เงินในการลงทุนอย่างเหมาะสม ในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล จะเน้นการขยายตลาดมากขึ้น และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้นด้วย โดยปัจจุบันธุรกิจนี้มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 9-10%
“เราเชื่อมั่นว่าผลประกอบการ จะเติบโตไปในทุก ๆ ปี ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ “นายเพชร กล่าว