ดาวโจนส์ลบ 90 จุด เทขายกลุ่มแบงก์

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ผันผวนสูง ก่อนปิดติดลบ 90 จุด แรงเทขายกลุ่มแบงก์ Nasdaq บวก 49.96 จุด นักลงทุนหวังว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. บอนด์ยีลด์ 10 ปี ลดลงมาที่ 3.54%  2 ปี อยู่ที่ 3.9% ด้านหุ้นยุโรปปรับตัวลง และราคาน้ำมันดิบลดลง 2% 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 13 มี.ค. 2566 ปิดที่ 31,819.14 จุด ลดลง 90.50 จุด หรือ 0.28% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ด้วยความกังวลต่อภาคธนาคาร แม้ทางการได้ประกาศแผนและมาตรการต่างๆเพื่อดูแลผู้ฝากของ Silicon Valley Bank(SVB) แต่ก็ไม่สามารถหนุนกลุ่มธนาคารได้

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,855.76 จุด ลดลง 5.83 จุด, -0.15%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,188.84 จุด เพิ่มขึ้น 49.96 จุด, +0.45%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงมาที่ 3.54% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีลดลงมาที่ 3.9%

ในวันศุกร์บรรษัทรับประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง (FDIC) ได้สั่งปิดและเข้าควบคุม SVB หลังประสบปัญหาด้านการเงินจากพอร์ตตราสารหนี้ และมีผู้ฝากแห่ถอนเงิน ส่งผลให้เป็นการล่มสลายของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกปี 2008 ในคืนวันอาทิตย์

ในแถลงการณ์ร่วมกระทรวงการคลังสหรัฐและธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ออกมา ประกาศหลายมาตรการเพื่อรักษาเถสียรภาพของระบบธนาคารและยืนยันว่า ผู้ฝากเงินของ SVB สามารถเข้าถึงบัญชีของตัวเองได้เต็มที่ โดยเฟดจะปล่อยเงินกู้ให้สถาบันการเงินผ่าน Bank Term Funding Program ที่ตั้งขึ้นใหม่เป็นเวลา 1 ปี แลกกับสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีคุณภาพทั้งพันธบัตรและสินทรัพย์ประเภทอื่นที่สถาบันการเงินถือครอง

วิกฤติ SVB ยังส่งผลต่อ Signature Bank ในนิวยอร์ก ทำให้ทางการเข้าควบคุมกิจการและนับเป็นการล่มสลายของธนาคารแห่งที่สองภายใน 3 วัน

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงแรง โดยหุ้น First Republic Bank ลดลงกว่า 60% หลังเจพีมอร์แกนให้กู้กว่า 70 พันล้านดอลลาร์ หุ้นเจพีมอร์แกนลดลง 1.8% หุ้น PacWest Bancorp ลดลง 26% Western Alliance Bancorp ลดลง 7% หลังจากที่ระงับการซื้อขายชั่วคราวในช่วงเช้าวันจันทร์

หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 3.71% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 7.13% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 2.32%

อย่างไรก็ตามตลาดได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากการซื้อหุ้นในกลุ่มอื่น ทั้งหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่และหุ้นอุตสาหกรรม ด้วยความคาดหวังของนักลงทุนว่า วิกฤติธนาคารจะทำให้เฟด อาจจะระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่เทรดเดอร์ให้น้ำหนัก 60% ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ ไม่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดให้ความสำคัญหลายตัว ทั้งดัชนีดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และยอดค้าปลีก โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนกุมภาพันธ์จะเพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบรายปี

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง และเป็นร่วงลงแรงภายในวันเดียว ด้วยแรงขายในกลุ่มธนาคาร แม้ทางการออกมาตรการเพื่อจำกัดผลกระทบจากการล่มสลายของของ Silicon Valley Bank(SVB) ในสหรัฐ

กลุ่มธนาคาร กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มประกันภัย รวมทั้งกลุ่มพลังงานถูกเทขายหนัก

กลุ่มธนาคารลดลงถึง 5.7% เพราะนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับฐานะการเงินของธนาคารและจับตาว่าจะเกิดผลกระทบที่ต่อเนื่องกันในวงกว้างหรือไม่

หุ้นเครดิต สวิสลดลง 9.6% หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ในเยอรมนีลดลง หุ้นโซซิเอเต้ เจนเนอรัลในฝรั่งเศสลดลง 6.2% ส่วนหุ้นเอชเอสบีซีลดลง 4.1% หลังซื้อ SVB ในอังกฤษในราคาเพียง 1 ปอนด์

วิกฤติธนาคารในสหรัฐทำให้นักลงทุนให้น้ำหนัก 68% ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ แต่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 442.80 จุด ลดลง 10.96 จุด, -2.42%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,548.63 จุด ลดลง 199.72 จุด, -2.58%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,011.50 จุด ลดลง 209.17 จุด, -2.90%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,959.47 จุด ลดลง 468.50 จุด, -3.04%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ -2.45% ปิดที่ 74.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 2.01 ดอลลาร์ หรือ -2.43% ปิดที่ 80.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล