SNNP ขยับขึ้นขานรับยอดขาย Q1/66 คาดโตดีดันกำไรโตกว่า 30%

HoonSmart.com>>หุ้น SNNP บวก 0.86% โบรกฯเชียร์”ซื้อ”มองบวกต่อยอดขายโตต่อเนื่องในปีนี้ จากการบริโภคฟื้นตัว เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 เติบโตมากกว่า 30% YoY โดยคาดยอดขายในไตรมาส 1/66 โตเกิน 20% YoY พร้อมเล็งยอดขายปี 69 ทำได้ถึง 8 พันล้านบาท เร็วกว่าเป้าหมายบริษัท ราคาเป้าหมาย 27.80 บาท

เมื่อเวลา 10.25 น.หุ้น SNNP บวก 0.86% มาที่ 23.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 22.37 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 23.30 บาท ขึ้นสูงสุด 23.70 บาท และต่ำสุด 23.30 บาท

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนํา”ซื้อ”หุ้นบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท ยังคงมีมุมมองบวกจากโมเมนตัมยอดขายเติบโตดีต่อเนื่องในต้นปีนี้ เนื่องจากการบริโภคฟื้นตัว ผลบวกจากการทำโฆษณาค่อนข้างมากในช่วงปลายปีก่อน และการขยายกำลังการผลิตที่เวียดนามเดินหน้าตามแผน โดยคาดว่า SNNP จะทำยอดขายได้ถึง 8 พันล้านบาทในปี 2569 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของบริษัท 1 ปี

จากการอัพเดทกับ SNNP ยอดขายในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. เติบโตได้ดีตามเป้าหมายของบริษัท จึงคาดว่ายอดขายในไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้นเกิน 20% YoY (แต่ลดลง QoQ ตามผลของฤดูกาล) การใช้งบการตลาดและโฆษณาไปในช่วงไตรมาส 4/65 ส่งผลบวกต่อยอดขายในประเทศในไตรมาส 1/66 ขณะที่ยอดขายในเวียดนามมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY แต่ชะลอลง QoQ หลังจากเติบโตสูงในไตรมาส 4/65 เบื้องต้นประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/66 เติบโตมากกว่า 30% YoY

SNNP ตั้งเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 4 พันล้านบาทในปี 2564 เป็น 8 พันล้านบาทในปี 2569 เชื่อว่ามีโอกาสทำได้เร็วกว่าเป้าหมาย 1 ปี เนื่องจากยอดขายล่าสุดในปี 2565 เพิ่มขึ้นมาที่ 5.6 พันล้านบาทแล้ว และภายใต้สมมติฐานอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 13% ยอดขายจะเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาทในปี 2568 จากการเติบโตของทั้งยอดขายในประเทศและต่างประเทศ

ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 20% และอัตรากาไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในไตรมาส 4/66 จากการที่ยอดขายเพิ่มขึ้น การออกสินค้าใหม่ที่มีอัตรากาไรสูงขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบลดลง จึงยังคงประมาณการเดิมที่คาดว่ายอดขายปี 2566 เพิ่มขึ้น 13% เป็น 6.3 พันล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 33 bps YoY 27.6% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 30% เป็น 671 ล้านบาท โดยคาดว่ายอดขายในเวียดนามเพิ่มขึ้น 15% เป็น 734 ล้านบาทในปีนี้ และเร่งตัวขึ้น 40% เป็น 1,027 ล้านบาทในปี 2567 จากการที่โรงงานผลิตครบทั้งสามเฟส ได้แก่ โลตัส (ไตรมาส 4/65) เบนโตะ (ไตรมาส 2/66) และเฟส 3 เจเล่ (ไตรมาส 3/66) ขณะที่ผู้บริหารยังคาดการณ์ยอดขายที่ 1 พันล้านบาทในปีนี้ ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไร 6%