HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 5.36 จุด กังวลการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ส่งเงินไหลออก กดดันทิศทางการลงทุน แต่ดัชนีฯปรับฐานกว่า 4% สะท้อนภาพกำไรไตรมาส 4/65 ต่ำกว่าคาดไปบางส่วนแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดยังทยอยเร่งตัวและมีประเด็นหาเสียงเลือกตั้งที่จะมีเม็ดเงินสะพัดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการบริโภค
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 1 มี.ค.2566 ณ เวลา 9.58 น. อยู่ที่ระดับ 1,627.71 จุด เพิ่มขึ้น 5.36 จุด หรือ +0.33% มูลค่าซื้อขาย 2,240.27 ล้านบาท
บล.กรุงศรี ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,610 – 1,615 จุด ภาวะตลาดยังคงกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้นเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวออกมาแข็งแกร่ง และคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 22 มี.ค.ส่งผลให้ Fund flow ต่างชาติมีแนวโน้มไหลออกและกดดันต่อทิศทางการลงทุน ดังนั้นจึงแนะนำ Selective buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวต่อไป
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มอง SET Index ยังแกว่ง Sideways to Sideways Down โดยมีแนวรับหลักที่บริเวณ 1,600-1,610 จุด ตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ และยังคงให้น้ำหนักกับประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ลงช้า และดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและทรงตัวในระดับสูงนานกว่าคาด ส่งผลให้เม็ดเงินยังไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น อย่างไรก็ตามจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( Bond Yield) ของสหรัฐฯที่ปรับตัวราว 70 bps ในเดือน ก.พ. มองว่าเริ่มสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปมากพอสมควร รวมถึง SET Index ที่ปรับฐานลงกว่า 4% เริ่มสะท้อนภาพกำไรไตรมาส 4/65 ของบริษัทจดทะเบียนที่ต่ำกว่าคาดไปบางส่วนแล้ว
ระยะสั้นกระแสเงินทุนยังมีแนวโน้มไหลออกแต่คาดปริมาณจะเริ่มบางลง จึงมองจังหวะปรับฐานของดัชนีในช่วงปลายไตรมาส 1/66 ถึงไตรมาส 2/66 ซึ่งมีโอกาสเป็น Bottom ของรอบเป็นโอกาสในการสะสมระยะกลาง-ยาวจากดอกเบี้ยของเฟดที่จะ Peak และหยุดปรับขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดยังทยอยเร่งตัวและมี Catalyst จากการหาเสียงเลือกตั้งที่จะมีเม็ดเงินสะพัดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการบริโภค
กลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ระยะกลาง-ยาวทยอยสะสมหุ้นช่วงตลาดปรับฐานบริเวณ 1,600 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนหุ้นเด่นเดือน มี.ค. AAV, ASW, BEYOND, M, NSL
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
CRC อยู่ที่ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +3.35% มูลค่าซื้อขาย 186.74 ล้านบาท
AOT อยู่ที่ 73.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.34% มูลค่าซื้อขาย 166.92 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 153.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ +2.00% มูลค่าซื้อขาย 132.69 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 61.25 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.21% มูลค่าซื้อขาย 123.72 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 137.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 114.02 ล้านบาท