BGRIM ชูกำไรดำเนินงาน 375 ล้าน ปันผล 0.035 บ. ลั่นปี’66โต

HoonSmart.com>>”บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ชี้แจงขาดทุนปี 65 จำนวน 1,244 ล้านบาท มาจากรายได้รวมโต 33.8% เป็น 62,395 ล้านบาท แต่ราคาก๊าซพุ่งสูงถึง 79% ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 840 ล้านบาท ขาดทุนด้อยค่าอีก  1,105 ล้านบาท สรุปมีกำไรจากการดำเนินงาน  375 ล้านบาท  บอร์ดยันจ่ายเงินปันผล 45%ของกำไร แจกอีก 0.035 บาท รวมทั้งปี 0.065 บาท เปิดแผนธุรกิจปี 66 เปิด COD 438  MW  เพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรม 50-60 MW ประหยัดรายจ่าย 50-70 ล้านบาท  ราคาก๊าซ SPP ลดลงอยู่ที่ 400-450 บาทต่อล้าน BTU  

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) แจ้งผลดำเนินงานปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 1,244ล้านบาท เท่ากับ 0.63 บาทต่อหุ้น พลิกจากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,275.70 ล้านบาทหรือ 0.72 บาท โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 33.8% เป็น 62,395 ล้านบาท จากปริมาณไฟฟ้าที่ขายอยู่ที่ 13,958 กิกะวัตต์-ชั่วโมง

ส่วน EBITDA ลดลง 20.9% เป็น 9,796 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 79.0% เป็น 476 บาทต่อล้าน BTU ขณะที่การปรับขึ้นค่า Ft มีความล่าช้า โดยเดือน ม.ค. ปรับขึ้น 16.17 สตางค์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง, เดือน พ.ค. ปรับขึ้น 23.38 สตางค์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงและเดือน ก.ย. ปรับขึ้น 68.66 สตางค์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง

เฉพาะไตรมาสที่ 4 ขาดทุนสุทธิ 545 ล้านบาท EBITDA เพิ่มขึ้น 3.5%เป็น 2,582ล้านบาท โดยมีราคาก๊าซเพิ่มขึ้น 43.6 เป็น 481 บาทต่อล้าน BTU

” บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 375 ล้านบาทในปี 2565 และ 169 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ลดลง 84.6%และ 20.3%ตามลำดับ นอกจากผลกระทบจากราคาก๊าซแล้ว มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 840 ล้านบาท จากการแปลงหนี้สินสุทธิและธุรกรรมอื่นที่เป็นสกุลดอลลาร์
สหรัฐเป็นเงินบาท และ ขาดทุนจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานสุทธิ 1,105 ล้านบาท เนื่องจากการขาดทุนจากการด้อยค่าของโรงไฟฟ้า และอุปกรณ์สำหรับโรงไฟฟ้าที่มีการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทน”บริษัทบีกริมฯระบุ

แม้ผลการดำเนินงานในปี 2565จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอย่างค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่ที่ไม่ใช่เงินสด แต่ยังเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานจะสามารถฟื้น
ตัวอย่างมั่นคงในปี 2566 และอนาคตต่อจากนี้ไป

ด้านคณกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลอีกหุ้นละ 0.035 บาท รวมทั้งปีแจกหุ้นละ 0.065 บาท คงอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 45% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปี 2565

สำหรับปี 2566 บริษัทบี.กริม เพาเวอร์ ประกาศยุทธศาสตร์เชิงรุก GreenLeap-Global and Green ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกพลังงาน ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมุ่งขยายการลงทุนทั้งโครงการใหม่และการเข้าซื้อกิจการสู่เป้าหมายกำลังการผลิต 4,700เมกะวัตต์ภายในปี 2567  เช่น การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) 438 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้า SPP เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม BGPM2R, โครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน อู่ตะเภา และโครงการโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ 2 โครงการBGPAT2&3 ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ใหม่ด้วยสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 50-60 เมกะวัตต์

นอกจากนี้การดำเนินการตามแผนควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 50-70 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของค่า Ft จาก 0.9343 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็น
1.5492 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 คาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติต่อหน่วย สำหรับ SPP อยู่ที่ 400-450 บาทต่อล้าน BTU ในปี 2566 จาก 476 บาทต่อล้าน BTU ในปี 2565