โดย…สุนันท์ ศรีจันทรา
17 ต.ค. หุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP จะประเดิมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก โดยเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปีนิ้ เมื่อเทียบกับหุ้นน้องใหม่ 7 บริษัทที่เข้ามาซื้อขายก่อนหน้า และเป็นที่คาดหมายว่า จะเคาะซื้อเคาะขายเก็งกำไรกันสนั่น
OSP นำหุ้นกระจายสู่นักลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 603.75 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายเบื้องต้นกำหนดระหว่าง 22-25 บาท แต่เมื่อความต้องการ ราคาที่กำหนดครั้งสุดท้าย เป็นราคาสูงสุด คือ เสนอขายหุ้นละ 25 บาท ซึ่งขายหมดเกลี้ยง
ชื่อของโอสถสภา บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ อายุเก่าแก่กว่า 100 ปี สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้อย่างดี และราคาหุ้นที่เสนอขาย 25 บาทนั้น ทุกคนเชื่อว่า จะสามารถทำกำไรได้ ถ้ามี “โควตา” จองอยู่ในมือ
แต่ถึงไม่ได้หุ้นจอง นักลงทุนบางส่วนก็เตรียมไล่ซื้อในกระดาน เพียงแต่ราคาไหนจะเหมาะสมสำหรับการซื้อเพื่อถือลงทุนระยะยาวเท่านั้น
OSP เพิ่งแจ้งผลประกอบการปีนี้มาสดๆ ร้อนๆ ก่อนหุ้นเข้าซื้อขายเพียงวันเดียว โดยไตรมาสที่ 2 ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 661.06 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.27 บาท ลดล 49 ล้านบาท หรือลดลง 6.90% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
ส่วนงวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,444.39 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.08 บาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,733.76 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 7.51 บาท
ผลประกอบการที่แจ้ง ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนจะนำไปใช้เป็นองค์ประกอบ ในการพิจารณาตัดสินใจลงทุนหุ้น OSP โดยก่อนหน้าไม่มีข้อมูลที่จะประเมินความเหมาะสมของราคาหุ้นได้มากนัก
ได้แต่ฟังเสียงของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สำนักต่างๆ พูดถึงหุ้น OSP เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะมีมุมมองในเชิงบวก โดยอิงความยิ่งใหญ่และอายุอันยาวนานของบริษัท โอสถสภา และนำไปสู่การประเมินแนวโน้มการเติบโตที่สดใส
แต่ผลประกอบการทั้งปี 2560 และ 6 เดือนแรกปีนี้ จะช่วยให้นักลงทุนคำนวณราคาที่เหมาะสมของหุ้นตัวนี้ โดยมีข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจนขึ้น
ฝ่ายบริหาร OSP อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้กำไรงวด 6 เดือนแรกปีนี้ทรุดลง โดยระบุ 3 ปัจจัยหลักคือ การเลิกจัดจำหน่ายสินค่าของยูนิชาร์ม รายได้จากการขายขวดแก้วลดลง นื่องจากการหยุดซ่อมบำรุง 1 เตาหลอมของโรงงานผลิตขวดแก้ว และการขายเงินลงทุนในบริษัท ฟิวเจอร์ส กรุ๊ป จำกัด
แต่ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายของใช้ส่วนบุคคล เบบี้มายด์ ผลิตภัณฑ์ซี-วิค เครื่องดื่ม โสมอิน-ซัมและเอ็ม-สตอร์ม และการขายฟาแฟพร้อมดื่มเอ็ม-เพรสโซที่เพิ่งเปิดตัว
ยังไม่ทันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ หุ้น OSP ก็แสดงอาการไม่ดีแล้ว โดยกำไรหล่นวูบลง ซึ่งไม่รู้ว่า ราคาหุ้นที่กำหนดเสนอขาย 25 บาทนั้น ได้คำนวณผลประกอบการช่วง 6 เดือนแรกปีนี้เข้าไปด้วยหรือยัง
เพราะถ้ายัง ราคาจอง 25 บาท อาจไม่ใช่ราคาเหมาะสมที่แท้จริง แต่ควรต้องปรับลดลง และแม้จะปรับเปลี่ยนราคาเสนอขายไม่ได้ แต่ราคาที่จะซื้อขายในกระดานพรุ่งนี้ ควรจะต้องลดความร้อนแรงลง ตามผลประกอบการครึ่งปีแรกที่หดตัวลง
หุ้นน้องใหม่ OSP วันแรกที่เข้าเทรด 17 ต.ค. เคาะซื้อขายเก็งกำไรกันคึกคักแน่ แต่พฤติกรรมหุ้นน้องใหม่ส่วนใหญ่จะเหมือนกัน วันแรกราคาหุ้นจะขึ้นลงอย่างหวือวา แต่ 2-3 วันผ่านไป จะเริ่มเงียบลง ราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวอย่างสงบขึ้น
เคล็ดลับการเล่นหุ้นน้องใหม่คือ คนที่ได้หุ้นจองไว้ ควรหาจังหวะ ขายกำไรในวันแรก เพราะราคามักจะถูกลากขึ้นไปสูงๆ
ส่วนนักลงทุนที่อยากเก็บหุ้น OSP ไม่ต้องรีบร้อนลุยในวันแรก เพราะอดใจรออีก 2-3 วัน มีโอกาสช้อนซื้อหุ้นต้นทุนต่ำได้
ประเดิมวันแรกของการซื้อขายหุ้น OSP ปล่อยให้นักเก็งกำไรเข้าไปแลกหมัดวัดดวงกันดีกว่า หลังจากฝุ่นจาง ค่อยเข้าไปช้อนเก็บ
เพราะราคาหุ้น OSP วันหลัง มีแนวโน้มน่าจะถูกกว่าราคาวันพรุ่งนี้