บล.คิงส์ฟอร์ดแนะ PTG-AP

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มหุ้นวันนี้แนวต้าน 1,640 จุด รับ 1,620 จุด แนะทยอยซื้อหุ้นงบไตรมาส 4/65 หนุน ชู MINT, CENTEL, ERW, AWC, CPN, BJC, WHA, BRI, HANA พร้อมคัดหุ้นเสิร์ฟวันนี้ PTG คาดผลงานไตรมาส 1/66 ฟื้นตัว หุ้น AP ปัจจัยบวกจากดีมานด์ต่างชาติหนุน

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,620 แนวต้าน 1,640 แนะนำทยอยซื้อหลัง Forward P/E ลดลงอยู่ที่ 15.52 เท่า รับปัจจัยเสี่ยง Fund Flow ไหลออก, กำไร บจ.ต่ำกว่าคาด แนะนำซื้อ MINT, CENTEL, ERW, AWC, CPN, BJC, WHA, BRI, HANA ปัจจัยบวกจากกำไร Q4/65

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.22%, S&P500 +0.31%, Nasdaq +0.63% หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลง ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ม.ค. -4.5% & ธ.ค. +5.1% YoY และ NAR เผยดัชนีสัญญาบ้านรอปิดการขาย ม.ค. +8.1% & คาด +1.0% MoM

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ PTG (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.20 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 ฟื้นตัว QoQ จากที่ขาดทุน หนุนจากแนวโน้มค่าการตลาดรวมที่ปรับตัวดีขึ้นเป็น 1.7-1.8 บาท/ลิตร หลังกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทยอยปรับลดการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนสำหรับน้ำมันดีเซล ตามมติของ กบง.ที่เห็นชอบให้ปรับค่าการตลาดกลับสู่ระดับปกติ ส่งผลให้ค่าการตลาดของผลิตภัณฑ์ดีเซลปรับสูงขึ้นจากที่ถูกกกำหนดไว้ 1.4 บาท/ลิตร เป็น 2.0 บาท/ลิตร โดยผู้บริหารวางเป้าปี 66 EBITDA โต 8-12% จากปีก่อน มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 8-12% ธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทยขยายสาขาเป็น 1,500 สาขา จาก 511 สาขาในปี 65 ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน

หุ้น AP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 14.40 บาท) ภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มอสังหาฯในปีนี้ยังมีปัจจัยบวกจาก Demand ฝั่งชาวต่างชาติ รวมไปถึงมาตรการผ่อนคลายบางส่วนที่ต่อเนื่องจากปี65

ด้าน AP เองสำหรับปี 66 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 58 โครงการ มูลค่าประมาณ 77,000 ล้านบาท (บ้านเดี่ยว 22 โครงการ มูลค่า 34,800 ล้านบาท/ ทาวน์โฮม 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท/ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท/ โครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท) ตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 57,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี66 และ ปี67 ของ AP จะขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับ 6,200 ล้านบาท (+5.49%YoY) และ 6,465 ลบ.(+4.27%YoY) ตามลำดับ