“คิงส์ฟอร์ด” แนะทยอยซื้อแนวรับ 1,630-1,630 จุด ชู MINT-NER

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับฐานลงสู่แนวรับ 1,620 – 1,630 จุด มีแนวต้าน 1,645 จุด แนะนำทยอยซื้อบริเวณแนวรับ ชูหุ้น SCV\B, ERW, MINT, PLANB, NER

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับฐานลงสู่แนวรับ 1,620 – 1,630 จุด มีแนวต้าน 1,645 จุด แนะนำทยอยซื้อบริเวณแนวรับ หลังราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงรับปัจจัยเสี่ยงกำไร บจ., ดอกเบี้ยสหรัฐ แล้ว แนะนำซื้อ SCB ราคาเป้าหมาย 137 บาท ประกาศจ่ายปันผล 5.19 บาท/หุ้น, ERW, MINT, PLANB

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.02%, S&P500 -1.05%, Nasdaq -1.69% กลุ่มเทคโนโลยี, บริการสื่อสาร, สินค้าฟุ่มเฟือยปรับลดลง หลังรายงาน US PCE ม.ค. +5.4% & ธ.ค. +5.3% & คาด +5.0% YoY และ ม.ค. +0.60% & ธ.ค. +0.20% & คาด +0.50% MoM ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อคุมเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.04% กลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มเดินทางและสันทนาการปรับลดลง หลังรายงาน GDP เยอรมัน Q4/65 -0.40% & Q3/65 +0.40% QoQ เป็นผลจากเงินเฟ้อสูงขึ้นกระทบต่อการบริโภคและการลงทุน

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.25 บาท) บริษัทรายงาน 4Q65 กำไรสุทธิที่ 1.9 พันล้านบาท ลดลง QoQ เนื่องจากผ่านช่วง high season ของการเข้าพักโรงแรมในยุโรป แต่พลิกเป็นกำไร YoY จากการฟื้นตัวของทุกส่วน โดยเฉพาะโรงแรมในไทยที่เป็น peak season ส่งผลให้ RevPar ปรับเพิ่มขึ้น ด้านธุรกิจอาหารเติบโตทั้งในไทยและต่างประเทศ (ยกเว้นจีน)

ส่วนปี 66 ตลาดคาดกำไรประมาณ 5.5 พันล้านบาท ฟื้นตัว +30%YoY หนุนจากโรงแรมในยุโรปมีทิศทางเป็นบวกในช่วง 1H แม้จะเป็น Low Season แต่จะเห็นการเติบโต YoY ของ Average Daily Rate (ADR) จาก Demand ของลูกค้าภาคธุรกิจ ขณะที่ต้นทุนค่าไฟมีการล็อกราคาไปแล้วราว 60% ที่ราคาต่ำกว่าตลาด ส่วนโรงแรมในไทยรับอานิสงส์นักท่องเที่ยวไหลเข้าไทยและการเปิดประเทศของจีนช่วยหนุนให้ภาพรวมของธุรกิจปรับตัวดีขึ้น

หุ้น NER (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.10 บาท) กำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 368 ลบ. (-39% YoY, -30% QoQ) ปัจจัยกดดันหลักมาจากราคาขายยางที่ปรับตัวลง อย่างไรก็ตามสำหรับช่วงถัดไป คาดว่า ราคาขายยาง มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น QoQ ใน 1Q-2Q66 หลังจีนเปิดประเทศ โดย ในปี66 บ.วางเป้าปริมาณขายที่ 5 แสนตัน โฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าอินเดียมากขึ้น (คาดยอดขายปี 66 จากอินเดียราว 5 หมื่นตัน)

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการขยายกำลังการผลิตยางแท่งและยางแท่งผสม โดยการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 1.72 แสนตัน/ปี (คาดจะเสร็จใน1Q67) จะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของ NER อยู่ที่ 6.88 แสนตัน/ปี ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี66 และ67 จะฟื้นตัวจากปี64 ที่ 0.95 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 1.13 บาท/หุ้น, และ 1.21 บาท/หุ้น ตามลำดับ