CPF โกยกำไรปี 65 เฉียด 1.4 หมื่นลบ. ปันผลอีก 0.35 บาท มั่นใจปี 66 แข็งแกร่ง

HoonSmart.com>> “เจริญโภคภัณฑ์อาหาร” เปิดกำไรปี 65 เฉียด 1.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 7.22% หากหักรายการพิเศษ MAKRO ปี 64 กำไรโต 170% กวาดยอดขาย 6.14 แสนล้านบาท โต 20% ปริมาณขายเพิ่มขี้นในหลายประเทศ ด้านราคาสินค้าสูงกว่าปีก่อนบอร์ดเคาะจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นอีก 0.35 บาท ขึ้น XD 8 พ.ค.นี้ จ่ายเงิน 25 พ.ค. 2566 รวมทั้งปีปันผล 0.75 บาท ผู้บริหารมั่นใจปี 66 ผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2565 มีกำไรสุทธิ 13,969.55 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.69 บาท เพิ่มขึ้น 7.22% จากปี 2564 มีกำไรสุทธิ 13,028.26 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.56 บาท

บริษัทฯ ยอดขายปี 2565 จำนวน 614,197 ล้านบาท เติบโต 20% จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ รวมทั้งระดับราคาสินค้าที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าปีก่อน

ซีพีเอฟมีการลงทุนและร่วมลงทุนใน 17 ประเทศ ส่งออกจากประเทศไทยไปประเทศต่างๆ อีกมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร สัดส่วนยอดขายในปี 2565 ที่ผ่านมาเป็นของกิจการในต่างประเทศ 63% กิจการประเทศไทย 31% และยอดขายจากการส่งออก 6% ของยอดขายรวม กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเพิ่มขึ้น 60% มีกำไรจากการปรับราคายุติธรรมของสินค้าชีวภาพเพิ่มขึ้น 159% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 7%

หากหักกำไรจากการแลกเปลี่ยนเงินลงทุนด้วยหุ้นของ Makro ซึ่งเป็นรายการพิเศษที่เกิดขึ้นในปี 2564 จำนวน 7,849 ล้านบาท จะทำให้กำไรก่อนรายการพิเศษในปี 2565 เพิ่มขึ้น 170% จากปีก่อน

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นว่า ส่วนหนึ่งมาจากการให้ความสำคัญด้านมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเคร่งครัด ส่งผลให้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมารวมถึงธุรกิจในประเทศไทยปีนี้มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นภายใต้ภาวะที่อุตสาหกรรมเผชิญกับการระบาดของโรค ASF ในสุกร (African Swine Fever) นอกจากนี้ ซีพีเอฟมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสังคมรูปแบบใหม่สืบเนื่องมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 (New Normal) ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการขยายช่องทางการขายให้มีความหลากหลาย ส่งเสริมคู่ค้าในการปรับรูปแบบการขายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและสร้างคุณค่าร่วมไปด้วยกัน

นอกจากการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว ซีพีเอฟยังคงมุ่งสร้างสมดุลในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทได้มีการสนับสนุนลดการใช้พลังงานถ่านหินและหันมาใช้พลังงานทดแทน และมีการยกเลิกการใช้ถ่านหินในโรงงานประเทศเวียดนามตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 และ ในโรงงานประเทศไทยตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2565

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2566 ซึ่งจะยังมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง เช่น ผลกระทบจากโรคระบาดในคนและสัตว์ ผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น และสภาวะเศรษฐกิจที่มีสัญญาณถดถอยในหลายประเทศ บริษัทฯจึงมีความระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนมากขึ้น อย่างไรก็ดี ด้วยรากฐานที่มั่นคงและแผนการขยายธุรกิจที่รัดกุม เชื่อมั่นว่าปี 2566 บริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายปันผลเป็นเงินสดประจำปี 2565 อัตราหุ้นละ 0.35 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 9 พ.ค. 2566 ขึ้น XD วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล 8 พ.ค. 2566 และจ่ายเงิน 25 พ.ค. 2566 ทั้งนี้รวมทั้งปี 2565 จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท โดยเงินปันผลดังกล่าว บริษัทฯ ได้มีการจ่ายครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้วในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2565