HoonSmart.com>>โบรกฯเห็นพ้องหุ้นมี.ค.ผันผวน ให้แนวรับ 1,600-1,607 แนวต้าน 1,650-1,670 จุด รอประชุมหลายธนาคารกลาง ขึ้น XD มีผลต่อดัชนีราว 5 จุด มีลุ้นรีบาวด์ หุ้นถูก รับข่าวร้ายกำไรบจ.มากไป เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าลดลง ต่างชาติพลิกกลับมาซื้อหรือขายน้อยลงได้ หุ้นเด่นเชียร์ PSL, SAPPE, ICHI, SIRI, SAWAD, SCB, KBANK, OSP, M, BJC, WHA, BBL, KTB, CENTEL แบงก์แจกปันผลงดงาม SCB จ่ายอีก 5.19 บาทให้ผลตอบแทน 5.11% MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย 4,700 ล้านบาท BANPU เลื่อนขึ้น ตลาดหุ้นก.พ.ร่วง 2% ต่างชาติทิ้ง-37,734 ล้านบาท
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นในเดือนมี.ค.คาดว่าจะอ่อนตัวลงก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้น จากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่คาดว่าจะออกมาดีน้อยลง เช่น การจ้างงานของสหรัฐที่มีโอกาสแย่ลง แสดงถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่ไม่ร้อนแรง ทำให้ตลาดมีโอกาสปรับตัวลง แม้ว่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย และการขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผล ก็คาดว่าจะมีผลต่อดัชนีฯราว 5 จุด
อย่างไรก็ดี ตลาดได้ตอบรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาแย่ไปแล้ว จนเทรด P/E ต่ำลง ทำให้มีโอกาสที่ดัชนีฯจะรีบาวด์ขึ้นได้ และยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าการเลือกตั้ง คาดยุบสภาจะเกิดขึ้นวันที่ 14-15 มี.ค. รวมถึงเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสที่จะแข็งค่าลดลง ทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจพลิกกลับมาซื้อหรือขายน้อยลงได้ โดยมองแนวรับหลัก 1,607 จุด แนวต้าน 1,650-1,660 จุด แนะนำให้สะสมเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว
“ปัจจัยการเมืองทำให้ Sentiment ตลาดเป็นบวกมากขึ้น และการเทรดด้วย Valuation ที่ถูกลง ทำให้ดัชนีฯมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้ ส่วนเรื่องดอกเบี้ยเฟด ตลาดฯรับรู้ไปมากแล้ว ซึ่งธนาคารกลางหลายแห่งก็คงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกันหมด”
ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนในเดือนมี.ค.แนะนำให้เล่นหุ้นตามฤดูกาล เช่น หุ้น PSL จะได้ผลดีจากถึงฤดูกาลเรือ, หุ้น SAPPE, ICHI ถึงฤดูกาลเครื่องดื่มเพราะอากาศร้อน และหุ้น SIRI เล็งเข้ากลุ่ม SET100 ส่วนหุ้น SAWAD เล็งเข้ากลุ่ม SET50 หลังหุ้น DTAC ออกมา ส่วนหุ้นในธีมการเลือกตั้งก็น่าสนใจ แต่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในครึ่งแรกเดือนมี.ค.ทิศทางตลาดน่าจะดีขึ้นหลังจากพักฐานไปแล้วในเดือนก.พ.จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และผลประกอบการที่น่าผิดหวัง แต่ความคืบหน้าการเลือกตั้งจะช่วยทำให้ตลาดผ่อนคลายขึ้น มีการวินิจฉัยการแบ่งเขตเลือกตั้งในวันที่ 3 มี.ค.นี้ และนายกรัฐมนตรีก็เตรียมจะยุบสภาในเดือนมี.ค.ด้วย อาจส่งผลให้ตลาดมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง ตลาดมีแนวรับสำคัญที่ 1,620-1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660-1,670 จุด
แนวโน้มครึ่งหลังเดือนมี.ค.ตลาดจะถูกแตะเบรกจากแรงขายหรือชะลอการลงทุนก่อนการประชุมของหลายธนาคารกลาง อาทิ 16 มี.ค.จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB), 22 มี.ค.การประชุมเฟด, 23 มี.ค.การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และ 29 มี.ค.การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ตลาดมีความกังวลเงินเฟ้อที่จะปรับตัวลงได้ยาก ทำให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐยังทรงตัวสูง และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้
สำหรับหุ้นเด่นในเดือนมี.ค.ยังต้องเกาะกลุ่ม Domestic plays อย่างหุ้นในกลุ่มธนาคาร, ค้าปลีก, อาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่น่าจะได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ตึงเครียด มองหุ้นเด่นคือ หุ้น SCB, KBANK, OSP, M, BJC, WHA
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นในเดือนมี.ค.คาดว่าจะแกว่งตัวในลักษณะซึม ๆ จากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและไทย ซึ่งเดือนมี.ค.จะมีการประชุมของธนาคารกลางหลายแห่ง อีกทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาส่วนใหญ่ก็ไม่ดี สงครามระหว่างยูเครน และรัสเซียยืดเยื้อ เม็ดเงินลงทุนไหลออกต่อเนื่อง รวมถึงตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาเลย ทั้งนี้ ดัชนีปรับตัวลงลึกก็อาจได้เห็นการรีบาวด์บ้าง โดยมองว่าถ้าดัชนียังไม่สามารถผ่านระดับ 1,650 จุดขึ้นไปได้ มีโอกาสที่จะถอยลงไปทดสอบระดับ 1,600 จุด
อย่างไรก็ดี ในเดือนมี.ค.ยังสามารถเลือกลงทุนหุ้นในกลุ่มค้าปลีกได้ จากการบริโภคที่ดีขึ้นจากธีมการเลือกตั้ง และการเปิดเมือง เปิดประเทศช่วยหนุน, หุ้นในกลุ่มสื่อโฆษณา ได้ประโยชน์จากการใช้ป้ายโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง และหุ้นในกลุ่มธนาคาร แนะนำหุ้น ฺBBL, KTB ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวแนะนำหุ้น CENTEL แต่ควรจะระวังการลงทุนหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)
ธนาคารทยอยประกาศการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังหรือทั้งปี 2565 โดยบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) แจกหุ้นละ 7.75 บาทคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลประมาณ 7.60% สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2565 ซึ่งเป็นไปตามคาด กำหนดขึ้น XD วันที่ 21 เม.ย.66 ส่วนบริษัทเอสซีบี เอกซ์ (SCB) จ่ายเงินปันผลอีก 5.19 บาทให้ผลตอบแทน 5.11% ดีกว่าที่คาดการณ์ โดยจ่ายระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 1.50 บาท รวมทั้งปี 2565 ให้เท่ากับ 6.69 บาททผลตอบแทน 6.59% ธนาคารกรุงไทย(KTB) ก็ให้ปันผลที่ดีหุ้นละ 0.682 บาท ผลตอบแทน 3.90% ขึ้น XDวันที่ 18 เม.ย.66
” กลุ่มแบงก์ให้ผลตอบแทนปันผลที่ดี และราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามาก จนน่าสนใจ พิจารณาจาก P/BV เกือบทุกแบงก์ต่ำกว่า 1 เท่า ยกเว้น TISCO สูง1.91 เท่า”
บล.โนมูระพัฒนสิน รายงานว่า MSCI ประกาศเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย 0.366% สู่ 2.17% ของ EM คิดเป็นเม็ดเงินราว 135 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 4,700 ล้านบาท โดย MSCI Global Standard Index มีหุ้นไทยเข้าใหม่ 1 บริษัท คือ BANPU (155 ล้านเหรียญฯ) จากการเลื่อนชั้นจาก Small Cap และ เพิ่มน้ำหนัก TOP ราว 1 ล้านเหรียญฯ ขณะที่ไม่มีหุ้นออก ส่วน MSCI Global Small Cap Index มีหุ้นเข้า 5 บริษัท ประกอบด้วย AURA, BTG, ONEE, SNNP, THCOM กลยุทธ์ เก็งกำไร BANPU, SNNP(TP@28), หลีกเลี่ยง COM7, TIDLOR, TISCO
นอกจากนี้ ดัชนีหุ้น SET ปรับฐานลงมาจากดัชนีสูงสุดของปีวันที่ 10 ม.ค.2566 แล้วราว -3.35% ขณะที่ SET100 -4.02% ทดสอบระดับ EMA200 วัน ที่ 1635จุด+/- หรือราว P/E 2023F 15.72เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 17.3เท่า อาจเป็นจังหวะสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาวที่ มองหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ใน SET100
ทีมกลยุทธ์จึงคัดสรรหุ้นใน SET100 ที่ลงแรงกว่าตลาดระดับ ติดลบ13-7% พร้อมแนวโน้มผลประกอบที่น่าจะฟื้นตัวในปี 2566 อาจเป็นเป้าของสถาบันไทยพบว่า มีหุ้นที่น่าสนใจดังนี้ KBANK, KKP, RBF, SCB, SCGP, AAV, GPSC, HMPRO, SCC, GLOBAL
ตลาดหุ้นเดือนก.พ. 2566 (1-24) ดัชนีปิดที่ 1,634.02 จุด ลดลง 37.44 จุด คิดเป็นประมาณ 2.24% จากเดือนม.ค.ปิดระดับ 1,671.46 จุด หลังจากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -37,734.13 ล้านบาท โดยเฉพาะวันที่ 24 ก.พ.ทิ้งหนักถึง -5,122.63 ล้านบาท และยังขายอนุพันธ์ด้วย