CPALL ลบ 4.23% กำไรปกติขยายตัวจำกัด โบรกฯ ยังเชียร์”ซื้อ”

HoonSmart.com>>หุ้น CPALL ลบ 4.23% กำไรปกติขยายตัวจำกัด YoY และหดตัว QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด โดยกำไรปกติไตรมาส 4/65 ที่ 2.9 พันล้านบาท ขยายตัว +4% YoY แต่หดตัว -24% QoQ แต่โบรกฯยังเชียร์”ซื้อ”ราคาหุ้น underperform ตลาดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เล็งราคาหุ้นจะกลับมา outperform ได้จากผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อ จากการยอดขายจากการเปิดเมืองเปิดประเทศ รวมถึงแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ลดลง

เมื่อเวลา 10.36 น.หุ้น CPALL ลบ 4.23% มาที่ 62.25 บาท ลดลง 2.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,610.84 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 64.50 บาท ขึ้นสูงสุด 64.50 บาท และต่ำสุด 62.00 บาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) คงคาแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 75 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 3.1 พันล้านบาท หดตัว -53% YoY และ -15% QoQ จากการควบรวม Lotus’s เข้ามาในไตรมาส 4/64 และรายงานกำไรปกติที่ 2.9 พันล้านบาท ขยายตัว +4% YoY แต่หดตัว -24% QoQ จากปัจจัยดังนี้ 1) รายได้รวมอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท ขยายตัว +22% YoY จากสาขาที่เพิ่มขึ้นใน 2565 จำนวนท้ังสิ้น 704 สาขา และ SSSG ที่เป็นบวกได้จากการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และขยายตัวได้จำกัดที่ +5% QoQ จากฐานที่สูงจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและเทศกาลกินเจในไตรมาส 3/65 2) GPM อยู่ที่ 21.6% หดตัว -20bps QoQ หลักจากยอดขายของธุรกิจค้าส่งที่มีสัดส่วนเยอะ ขึ้น โดยหากมองเพียงธุรกิจ CVS เห็น GPM flat QoQ จากยอดขายสินค้า ประเภทแอลกอฮอลล์และบุหรี่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล 3) SG&A ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 20.3% โต +21% YoY และ +6% QoQ จากค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าสาธารณูปโภคและรับรู้ค่าใช้จ่ายของ Lotus’s เข้ามาเต็มไตรมาส

ทั้งนี้ คงประมาณการกาไรสุทธิปี 2566 ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท เติบโต +46% YoY โดยกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท +2% YoY จาก 1.3 หมื่นล้านบาทใน 2564 โดยกำไรปกติอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท โต +52% YoY จากปี 2564 ที่ 8.7 พันล้านบาท มองว่าไตรมาส 1/66 จะโตได้ QoQ จากค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะลดลง รวมถึงได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ โดยเฉพาะสาขาในเมือง ท่องเที่ยว

ราคาหุ้น underperform SET -4% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มองว่าราคาหุ้นจะกลับมา outperform SET ได้จากผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อ จากการยอดขายจากการเปิดเมืองเปิดประเทศ โดยเฉพาะสาขาในเมือง ท่องเที่ยว รวมถึงแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ลดลง และมองปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งโดยจะช่วยหนุนทั้งธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งจากการเติบโต ของ HoReCa และธุรกิจค้าปลีกที่จะเห็นค่าใช้จ่ายลดลงและยอดขายที่กลับมาฟื้นตัว