HoonSmart.com>>”ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) แจกปันผลอีก 0.053 บาท/หุ้น รวมทั้งปี 0.073 บาท คิดเป็น 50% ของกำไร มากกว่าปีก่อนจ่าย 35% “ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO)”แจกทั้งปี 7.75 บาท สัดส่วน 85.92% กำไรสุทธิ อัตราผลตอบแทนปันผล 7.02% “ทุนธนชาต” แจกอีก 1.90 บาท รวมทั้งปี 3.10 บาท บล.ดาโอผิดหวังกำไร TCAP ไตรมาส 4 ลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ กดราคาเป้าหมายลงเหลือ 43 บาทจาก 45 บาท หั่นเป้ากำไรปี 66 ลง 3% เหลือ 5,600 ล้านบาท
คณะกรรมการธนาคารทหารไทยธนชาต มีมติให้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 อัตราหุ้นละ 0.053 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 เม.ย. 2566 และจ่ายเงินในวันที่ 3 พ.ค.2566 โดยจะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติวันที่ 5 เม.ย. 2566 นี้ ก่อนหน้าได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.02 บาท จ่ายทั้งปีหุ้นละ 0.073 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,100 ล้านบาท
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต เปิดเผยว่า การจ่ายเงินปันผลครั้งนี้ เพิ่มขึ้น 92% จากปี 2564 ซึ่งสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของกลุ่มธนาคาร คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 50% ของกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจากอัตรา 35% ในปีก่อนหน้า และเทียบเท่ากับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือ Dividend Yield ที่ประมาณ 5.2% ต่อปี ณ ระดับราคาหุ้น TTB ในปัจจุบัน ที่ระดับ 1.40 บาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังการรวมกิจการ รวม ถึงความตั้งใจของธนาคารในการส่งมอบผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผ่อนคลายนโยบายจ่ายเงินปันผลของกลุ่มธนาคาร ธนาคารทหารไทยธนชาตได้ทำเรื่องขออนุมัติจากคณะกรรมการธนาคารเพื่อปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเป็น 2 ครั้งต่อปี จากเดิม 1 ครั้งต่อปี เพราะเล็งเห็นว่าธนาคารมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นจากการรับรู้ประโยชน์การรวมกิจการได้ตามแผน อีกทั้งยังดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมาย ทำให้สามารถรับมือกับภาวะทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และมีผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งด้านกำไร ประสิทธิภาพด้านต้นทุน และคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งฐานะเงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง จึงเป็นที่มาของการปรับนโยบายและจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นในปี 2565 ธนาคารยังได้ออกวอร์แรนต์ (TTB-W1) ให้กับผู้ถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งมีผลดีต่อผู้ถือหุ้นเพราะให้สิทธิผู้ถือหุ้นทั้งในแง่ของการใช้สิทธิซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด และได้ประโยชน์ด้านสภาพคล่องจากการนำวอร์แรนต์ไปซื้อขายในตลาดรอง
การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนถึงความตั้งใจของธนาคารทหารไทยธนชาตในการมองหาโอกาสและวิธีการรูปแบบใหม่ ๆ ในการส่งผ่านผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้น โดยในปี 2566 นี้ ธนาคารก็จะยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ควบคู่กับการพัฒนาด้านดิจิทัล เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการเงินในการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน หนุนการเติบโตทางธุรกิจและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของธนาคารอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ธนาคารทหารไทยธนชาตมีกำไรสุทธิ 14,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปี 2564 ด้านคุณภาพสินทรัพย์บริหารจัดการได้ดี สัดส่วนหนี้เสียลดลงมาอยู่ที่ 2.73% ความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง โดยอัตราส่วนเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 20.0% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.3%
ด้านคณะกรรมการบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) มีมติจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 7.75 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 6,205 ล้านบาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 24 เม.ย.และจ่ายเงินวันที่ 10 พ.ค.2566 ทั้งนี้ อัตราการจ่ายเงินปันผลประมาณ 85.92% ของกำไรสุทธิปี 2565 จำนวน 7,221.74 ล้านบาท หรือ 9.02 บาทต่อหุ้น และคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลประมาณ 7.02% เทียบกับราคาหุ้นปิดที่ 102.50 บาท ครึ่งวันที่ 22 ก.พ.2566
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต (TCAP) เปิดเผยว่า ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 6,428 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จำนวน 5,220 ล้านบาท ลดลง 1.27% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง เนื่องจากในปี 2564 บริษัทฯ รับรู้รายได้ที่เป็นรายการพิเศษจากการโอนกลับสำรอง NPA
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากการโอนกลับสำรอง NPA ดังกล่าว บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13.7% ซึ่งเกิดจากผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่สำคัญเติบโตขึ้นและสามารถทำผลงานได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 คลี่คลายลง ประกอบกับการที่บริษัทฯ ลงทุนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมไปถึงการขยายสินทรัพย์ผ่านการให้เงินกู้ยืมแก่ธนชาตพลัสในการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเหล่านี้จะสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังไม่ได้รับประโยชน์เต็มปีในปี 2565 หลังเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน ธนาคารทหารไทยธนชาต จาก 23.32% เป็น 24.87% และบริษัทราชธานีลิสซิ่ง จาก 60.16% เป็น 60.61% และซื้อหุ้นของธนชาตประกันภัยและหลักทรัพย์ธนชาต เพิ่มเติมในไตรมาส 4 ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้นจาก 50.96% เป็น 89.96%
รวมถึงขยายสินทรัพย์ผ่านการให้เงินกู้ยืมแก่ ธนชาตพลัส ส่งผลให้สินเชื่อเติบโตจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท ซึ่งรวมเป็นเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อเพิ่มเติมจำนวน 8,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากพอร์ตเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อปี 2564 ของบริษัทฯ แต่เม็ดเงินที่ใส่เพิ่มเข้าไปนั้นจะได้รับผลตอบแทนเต็มปีในปี 2566 นี้
การเติบโตในปี 2566 จะมาจาก 2 ส่วนด้วยกันคือ จากการเติบโตของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิดและจากเงินลงทุนที่ใช้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมทั้งเงินให้กู้ยืมเพิ่มเติมแก่ธนชาตพลัส สิ่งที่ฝ่ายจัดการได้ดำเนินการมาทั้งหมดก็เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของกลุ่มธนชาต เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นต่อไปในอนาคต
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลอีกหุ้นละ 1.90 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 19 เม.ย.2566 และจ่ายเงินวันที่ 3 พ.ค.2566 ทั้งนี้ รวมทั้งปี 2565 จ่ายปันผลรวม 3.10 บาท
บล.ดาโอ ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้น TCAP จากซื้อเป็นถือ และลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 43 บาทจาก 45 บาท และลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 3% เหลือ 5.6 พันล้านบาท ลดจากเทรด P/BV 0.72 เท่าเหลือ 0.68 เท่า หลังจากประกาศกำไรไตรมาสที่ 4 เหลือเพียง 1.1 พันล้านบาท ลดลง 39% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและลดลง 18% จากไตรมาสที่ 3 ต่ำกว่าที่คาดประมาณ 15%
“ลดประมาณการกำไรลง 3% เหลือ 5,600 ล้านบาท แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน ส่วนไตรมาสแรกปีนี้คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา เนื่องจากการตั้งสำรองสูง คาดจ่ายเงินปันผล 3.10 บาท อัตราผลตอบแทน 7.2%”บล.ดาโอระบุ