CHASE ปิดเทรดวันแรก 3 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 3.45%

HoonSmart.com>>หุ้น CHASE ปิดเทรดวันแรก 3 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 3.45% “เชฎฐ์ เอเชีย” ตั้งเป้าปี 66 รายได้เติบโต 10-15% และกำไรสุทธิเติบโต 30% เล็งซื้อหนี้ NPLs ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนโมเดลการทำธุรกิจให้เกิด Synergy ร่วมกันกับกลุ่มอาร์เอส (RS) อาจชัดเจนขึ้นปลายปีนี้ ด้านบล.หยวนต้า เชียร์”ซื้อ”มูลค่าพื้นฐาน 3.74 บาท

หุ้น CHASE ปิดเทรดวันแรกที่ 3 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +3.45% จากราคาขาย IPO ที่ 2.90 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,818.62 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.52 บาท ขึ้นสูงสุด 3.58 บาท และต่ำสุด 3.00 บาท

นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย (CHASE) เปิดเผยว่า การที่กลุ่มอาร์เอสเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท มีแผนทำธุรกิจให้เกิด Synergy ระหว่างกัน อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและเลือกรูปแบบธุรกิจที่เหมาะสม คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นช่วงปลายปี โดยในปีนี้จะมุ่งเน้นในธุรกิจหลักของ CHASE

บริษัทได้ทยอยซื้อพอร์ตหนี้เสียมาบริหาร ทั้งจากสถาบันการเงินและนอนแบงก์ โดยเงินลงทุนประมูลซื้อหนี้ 1,000 ล้านบาทจะได้ยอดหนี้ 1 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทยังมีวงเงินกู้ธนาคารสำรองไว้อีก 1,250 ล้านบาท ทั้งนี้ สิ้นปี 65 บริษัทมีพอร์ตหนี้ที่บริหารอยู่ 2.3 หมื่นล้านบาท คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตประมาณ 10-15% และกำไรสุทธิเติบโตขึ้นกว่า 30%

บริษัทจะนำเงินทุนที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปต่อยอดการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเดินหน้าซื้อ NPLs ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และมุ่งเน้นไปที่สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ซึ่งอยู่ในความเชี่ยวชาญของบริษัท

บริษัทได้เริ่มเข้าไปประมูลซื้อ NPLs จากสถาบันการเงินชั้นนำแล้ว และเตรียมขยายบริการการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สินให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นสู่กลุ่ม Non-bank พร้อมกันนี้ ยังมีอีกหลายปัจจัยหนุนที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของ เชฎฐ์ เอเชีย ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอก ได้แก่ อุตสาหกรรม AMC ที่ไม่เจอกับการดิสรัปชัน ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ จะยิ่งช่วยให้ เชฎฐ์ เอเชีย ทำงานได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มี NPLs ล้นตลาด จึงเป็นจังหวะที่ดีของผู้ให้บริการติดตามทวงถามและบริหารหนี้เสียในการระดมเงินทุน เพื่อนำไปพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานเชิงรุกของบริษัทได้ทันทีและอย่างไร้ข้อจำกัด

ในขณะเดียวกัน บริษัท ยังมีปัจจัยภายในที่เสริมความแข็งแกร่งให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งทีมผู้บริหารและพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการเงินและกฎหมาย และมีประสบการณ์อยู่ในวงการมาอย่างยาวนานกว่า 25 ปี นอกจากนี้ ด้วยขนาดของบริษัทฯ ในปัจจุบันที่ไม่ใหญ่มากนัก ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสในการขยายตัวและเติบโตอย่างก้าวกระโดด ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยประสิทธิภาพการทำงานและศักยภาพของ เชฎฐ์ เอเชีย ที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทำให้บริษัทมีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจให้ครบวงจรยิ่งขึ้นกว่าเดิม สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของ เชฎฐ์ เอเชีย ที่สามารถเติบโตได้อย่างไม่หยุดยั้งในอนาคต

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส (RS) กล่าวว่า ยินดีกับความสำเร็จในก้าวแรกของ เชฎฐ์ เอเชีย ในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก และทาง อาร์เอส กรุ๊ป จะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 20.35% ซึ่งจะเป็นการถือหุ้นในระยะยาว ในฐานะ Strategic Shareholder ด้วยเล็งเห็นศักยภาพและเชื่อมั่นในการเติบโตในอนาคตของ เชฎฐ์ เอเชีย โดยก่อนหน้านี้ก็มีการทำงานร่วมกันอย่างหนักเพื่อขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ร่วมกัน และการลงทุนในครั้งนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตรร่วมกับ เชฎฐ์ เอเชีย ในการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจต่างๆ ซึ่งรวมถึงการทำ Joint Venture เพื่อร่วมกันผสานศักยภาพและสร้างการเติบโตร่วมกัน พร้อมผลักดัน เชฎฐ์ เอเชีย ให้เติบโตก้าวกระโดดขึ้นไปอีกขั้น

สำหรับงบการเงินรอบ 9 เดือนของปี 65 เชฎฐ์ เอเชีย เป็นผู้เล่นที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (ROA) อยู่ที่ 6.0% และมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ระดับ 8.2% ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการทำกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ (ROA, ROE เฉลี่ยอุตสาหกรรมระดับ 5% และ 8.4% ตามลำดับ) ในขณะที่หลัง IPO จะเป็นโอกาสของ เชฎฐ์ เอเชีย ใช้เงินเพิ่มทุน อีกทั้งด้วยระดับ D/E Ratio ของ เชฎฐ์ เอเชีย ที่ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.4 เท่า ยิ่งเป็นโอกาสในการเข้าประมูลสินทรัพย์เพิ่มเติมเพื่อขยายฐานรายได้ และช่วยผลักดันประสิทธิภาพในการทำกำไรสูงขึ้น ทั้งนี้ค่า P/E ของ เชฎฐ์ เอเชีย ณ ราคา IPO อยู่ที่ 27.18 ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำกว่า P/E ของกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ในระดับ 39 เท่า

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้นบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย (CHASE) เป็นผู้ประกอบการธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์และรับติดตามทวงถามหนี้ที่มีประสบการณ์ และศักยภาพโตสูง มี D/E Ratio ต่ำกว่าอุตสาหกรรม ทำให้มีช่องว่างในการ Leverage เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนสําหรับการประมูลหนี้เสียจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะมีการเปิดประมูลเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ส่วนในแง่ Valuation ประเมินมูลค่าของ CHASE โดยอิง Prospective PBV ที่ 2.3x ได้มูลค่าพื้นฐานที่ 3.74 บาท

ทั้งนี้ คาดกําไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 24 ล้านบาท ลดลง 72.1%YoY จากฐานสูง แต่โตตัวขึ้น 26.2%QoQ หนุนจากรายได้ธุรกิจบริหารหนี้สียที่โตตามขนาดของพอร์ตหนี้เสียหนุนให้ปี 2565 คาด CHASE จะมีกําไรสุทธิ 146 ล้านบาท ลดลง 46.0%YoY ก่อนจะเร่งตัวขึ้นเป็น 216 ล้านบาท ในปี 2566 โตเด่น 47.9%YoY หลังได้เงินจากาาร IPO เพื่อเข้ําประมูลหนี้เสียกองใหม่จากสถาบันการเงิน

CHASE ดําเนินธุรกิจติดตามทวงถามหนี้และบริหารสินทรัพย์ หลังจาก IPO ตั้งเป้าประมูลหนี้เสียจากสถาบันการเงินขั้นต่ำปีละ 1,000 ล้านบาท และเพิ่มจํานวนพนักงานติดตามหนี้ 80-100 คน ภายใน 2 ปี