WAVE x Spiro Carbon ยกระดับชาวนา ปลูกข้าวแนวใหม่ลดคาร์บอน

HoonSmart.com >> WAVE จับมือ Spiro Carbon ยกระดับชาวนาปลูกข้าวแนวใหม่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 50% รายแรกของไทย สร้างรายได้ยั่งยืนให้ชาวนา

นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (WAVE)  เปิดเผยว่า บริษัท เวฟ บีซีจี  (WAVE BCG) บริษัทลูกของ WAVE ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ Spiro Carbon สนับสนุนภาคการเกษตรของประเทศไทย ให้เป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเท่ากับศูนย์ (Carbon neutrality) และมีความยั่งยืน

เริ่มต้นจากการสนับสนุนชาวนาในการปลูกข้าว ซึ่งปล่อยคาร์บอนต่ำ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือนี้ นำโดย Wave BCG ผู้นำ Carbon Credits ในประเทศไทย จะร่วมกับ Net Zero Carbon Thailand  ผู้เชี่ยวชาญและผู้นำ Carbon Credits และ RECs ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้

ขณะที่ Spiro Carbon เป็นบริษัทมีชื่อเสียง Verify ในยุโรป สามารถสนับสนุน การ Verify รวมทั้งยังมีความเชี่ยวชาญทำ Carbon Credits จากการปลูก และนำเทคโนโลยีดาวเทียม มาใช้ในอุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทยได้

สำหรับ บริษัท WAVE BCG จะทำหน้าที่เชื่อมต่อ ระหว่างเกษตรกร กับ Spiro Carbon เพื่อพัฒนาสู่การทำคาร์บอนเครดิต ซึ่ง Spiro Carbon เป็นองค์กรที่ดำเนินการเรื่องคาร์บอนเครดิตให้กับชาวนาและเกษตรกร มั่นใจในศักยภาพของ Wave BCG ที่จะเป็นจุดเชื่อมระหว่างเกษตรกรกับ Spiro Carbon ทำตลาด Carbon Credits ในไทยด้วยเทคโนโลยีที่มี ถือเป็นเจ้าแรกของไทย ในการทำตลาดคาร์บอนจากการปลูกข้าวสร้างรายที่ได้ยั่งยืนให้กับชาวนา

นอกจากนี้ Spiro Carbon ยังได้มอบ ไวท์เลเบล (White Label) ให้กับ WAVE BCG ในการขึ้นทะเบียน Carbon Credits จากการปลูกข้าวแบบ Alternative Wetting and Drying (AWD) ซึ่งเป็นการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 50% ถือเป็นความร่วมมือ ที่ผลักดันให้เกิดแนวทางการเกษตรแบบใหม่  ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

“ WAVE BCG  พัฒนาโครงการต้นแบบการปลูกข้าว จำนวน 20 ไร่ จังหวัดปทุมธานี และมีแผนขยายถึง 200,000 ไร่ ภายในปีหน้า ที่จังหวัดสุโขทัย โดย Spiro Carbon เป็นส่วนช่วย  MRV หรือการรายงานผล ช่วยเหลือการเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าว เพื่อผลักดันไปสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์”

นายเจมส์ กล่าวอีกว่า การร่วมมือครั้งนี้ นอกจากเป็นแนวทางสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางคาร์บอนของประเทศไทย ที่ตั้งเป้าปี 2050 และเป็น Net Zero ปี 2065 ยังช่วยสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรกว่า 30 ล้านคน  สามารถขาย Carbon Credits ได้ถึง 300 บาทต่อไร่ จากการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง  เป็นการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับเกษตรกร  และเป็นก้าวสำคัญต่อภาคเกษตรกรรมไทย ก้าวสู่การปล่อยคาร์บอนต่า และเป็นศูนย์ในที่สุด

การให้ความสำคัญลดการปล่อยปล่อยก๊าซคาร์บอน ในภาคการเกษตรของไทย เพราะไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก มีเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน การผลิตข้าวเป็นส่วนสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ตามข้อมูลจากองค์การอาหารและเกษตรของสหประชาชาติ (FAO) ในปี 2016 ภาคการผลิตข้าวไทย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำ นวน 54.3 ล้านตัน CO2 หรือเทียบเท่า รถยนต์ 11 ล้านคัน ปล่อยออกมา

ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือดังกล่าว ประกอบด้วย ดร.อัมรินทร์ ดรัณภพ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และปฏิบัติการ Spiro Carbon , Mr.David Rockwood ผู้ร่วมก่อตั้ง Spiro Carbon , นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WAVE และ นายธนนนท์ เตรียมชาญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Net Zero Carbon (ประเทศไทย) ร่วมลงนาม