LEO กำไรปี 65 พุ่ง 53% นิวไฮ 3 ปี  ปันผล 0.20 บ.ขึ้น XD 9 พ.ค.  

HoonSmart.com>>บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ หรือ LEO เผยผลงานปี 65 กำไรสุทธิ 305 ล้านบาท เติบโต 53% ทำนิวไฮต่อเนื่อง 3 ปี นับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อัตรากำไรขั้นต้น(GPM)ปี 65 ที่ 20% อัตรากำไรสุทธิ(NPM) 6.8% เคาะจ่ายปันผลหุ้นละ 0.20 บาท ขึ้น XD วันที่ 9 พ.ค. จ่ายปันผล 26 พ.ค. นัดประชุมผู้ถือหุ้น 27 เม.ย.

บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ หรือ LEO เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 65 มีกำไรสุทธิ 304.59 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.955 บาท เพิ่มขึ้น 53% จากปี 64 ที่กำไรสุทธิ 198.81 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.621 บาท ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 17 ก.พ.66 มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 10 พ.ค.66  วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) 9 พ.ค.66 วันที่จ่ายปันผล 26 พ.ค. 66

กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 66 ในวันที่ 27 เม.ย.66 เวลา 10.00 น. ในรูปแบบผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) 7 มี.ค.66  วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม 3 มี.ค.66

บริษัทระบุว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 65 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และบริษัทสามารถสร้างยอดขายที่เป็นกำไรขั้นต้นได้ทะลุเป้าหมายของยอดขายตามแผนธุรกิจ (Business Plan ) ประจำปี 65 ได้ถึง 129% โดยมีกำไรสุทธิเป็น New High เป็นปีที่ 3 นับตั้งแต่บริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นปีที่ 5 หากนับต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 60

รายได้รวม ทั้งปี 65 อยู่ที่ 4,495 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,126 ล้านบาท จากระยะเดียวกันของปีก่อนหรือเพิ่ม 33% จากค่าวางเรือและทางอากาศมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1-3/65 และบริษัทสามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ใน ไตรมาส 4/65 ได้ในอัตรา 26% ซึ่งสูงกว่า ไตรมาส 3/64 ที่อยู่ที่ 23%

ทั้งนี้ ในปี 65 มีกำไรขั้นต้น 885 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 235 ล้านบาท หรือ 36% เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 20% สูงกว่าปี 64 ที่มีอัตรา GPM 19%

สำหรับกำไรสุทธิในปี 65 เท่ากับ 305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106 ล้านบาท หรือเพิ่ม 53% เมื่อเปรียบเทียบรอบระยะเดียวกันกับปีที่แล้ว  โดยมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ในปี 65 ที่อัตรา 6.8% สูงกว่าปี 64 ที่มีอัตราเท่ากับ 5.9% ซึ่งบริษัทได้ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ โดยปรับแผนการตลาดและการขายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ท่ามกลางสภาวะทางการตลาดในสถานการณ์ต่างๆ บริษัทจึงมีรายได้ที่เป็นจำนวนเงิน ปริมาณการขนส่ง และกำไรที่สูงขึ้น

บริษัทเชื่อมั่นว่าในปี 66 บริษัทจะยังคงรักษาระดับการเติบโตของกำไรขั้นต้น และผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จาการขนส่งสินค้าทางรางไปยังประเทศจีนนับตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/66รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้ และกำไรจากโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในปี 66 เพื่อเพิ่มรายได้และกำไรจากกาดำเนินงานให้เติบโตย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง

บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้ในปี 65 เท่ากับ 4,490 ล้านบาท ประกอบด้วยธุรกิจหลัก 4 ประเภทดังนี้
1 )การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ(Sea Freight) มีรายได้รวม 4,065 ล้านบาท คิดเป็น 90% ของรายได้รวม
2)การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ(Air Freight) มีรายได้รวม 210 ล้านบาท คิดเป็น 5% ของรายได้รวม
3) การบริการด้านบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (Integrated Logistics Services) ซึ่งประกอบด้วย การขนส่ง การบริการดำเนินพิธีการศุลกากร และบริการเสริมอื่นๆ มีรายได้รวม 189 ล้านบาท คิดเป็น 4% ของรายได้รวม
4) ธุรกิจให้เช่าพื้นที่เก็บของขนาดเล็กและธุรกิจรับฝากตู้สินค้า (Self-Storage and Container Depot Service) ซึ่งประกอบด้วย บริการให้เช่าพื้นที่เพื่อจัดเก็บสิ่งของตามความต้องการของลูกค้า การบริการพื้นที่รับฝากและซ่อมตู้คอนเทนเนอร์ การบริการในธุรกิจนี้มีรายได้รวม 26.8 ล้านบาท คิดเป็น 1% ของรายได้รวม

การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
1.บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ ค่าบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ มีรายได้เพิ่มขึ้น  39% เมื่อเปรียบเทียบปี 65 กับ 64 จากอัตราค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นในระหว่างปี และปริมาณตู้สินค้าที่ให้บริการเพิ่มขึ้น
2.บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ ค่าบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ มีรายได้ลดลง  18% เมื่อเปรียบเทียบปี 65 กับ 64 เนื่องอัตราค่าระวางทางอากาศปรับตัวลดลง
3.การบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร
3.1 ค่าขนส่งและบริการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ธุรกิจให้บริการด้านค่าขนส่ง ขนถ่ายสินค้าและบริการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เมื่อเทียบปี 65 กับ 64 มีรายได้เพิ่มขึ้น 4% จากค่าระวางการขนส่งทางบกที่ได้ปรับตัวสูงขึ้น และการเติบโตตามการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ
3.2 ค่าบริการด้านตัวแทนในการดำเนินพิธีศุลกากรและอื่น ๆ ธุรกิจให้บริการด้านตัวแทนในการดำเนินพิธีศุลกากรและอื่นๆ  เมื่อเทียบปี 65 กับ 64 ลดลง 1% ปรับตัวตามปริมาณการขนส่ง
4.ธุรกิจให้เช่าฟื้นที่เก็บของขนาดเล็ก (Self-Storage) และธุรกิจรับฝากตู้สินค้า (Container Depot) สำหรับธุรกิจในกลุ่มนี้มีรายได้รวมเมื่อเปรียบเทียบปี 65 เท่ากับ 26.8 ล้านบาทและปี 64 ซึ่งเท่ากับ 30.8 ล้านบาท จะลดลง 13% เนื่องจากรายได้ธุรกิจการให้เช่าพื้นที่เก็บของขนาดเล็ก (Self-Storage) เติบโตขึ้น แต่ธุรกิจรับฝากตู้สินค้า (Container Depot) ลดลงตามรายละเอียดดังนี้

4.1 ธุรกิจการให้บริการเช่าฟื้นที่เก็บของขนาดเล็ก (Self-Storage) สำหรับไตรมาส 4/65 ยังเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 และเมื่อเปรียบเทียบปี 65 กับ 64 เพิ่มขึ้น 35% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ทำให้ลูกค้าในส่วนของ SME ที่ใช้สถานที่เพื่อการจัดเก็บสต๊อคสินค้า และลูกค้าที่นำเอาของใช้ส่วนตัวมาเก็บกลับมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับบริษัทได้เปิดดำเนินการสาขาที่ 2 ที่ไชน่าทาวน์ จึงเริ่มมีการรับรู้รายได้จากสาขาที่ 2 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
4.2 ธุรกิจให้พื้นที่บริการรับฝากและซ่อมตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) เมื่อเปรียบเทียบปี 65 กับ 64 ลดลง 26% เนื่องจากปริมาณตู้ที่เข้าฝากในลานลดลง เนื่องจากสายเดินเรือได้นำตู้ไปเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อรองรับการส่งออกสินค้าประเภทอุตสาหกรรมจาก EEC ที่มีมากขึ้น และตามเทศกาลของการส่งออกทุเรียน และผลิตภัณฑ์การเกษตรที่ชะลอตัวตามฤดูกาล จึงทำให้สายเดินเรือไม่ต้องการเก็บตู้ไว้เพื่อส่งออกจากท่าเรือในกรุงเทพมากนัก

 

#LEO