“ดร.วิน” มั่นใจปีนี้กลุ่ม DAOL กำไร ธุรกิจรีทโดดเด่น-บลจ. AUM โต 20%

HoonSmart.com>>”ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์” มั่นใจกลุ่มธุรกิจการเงิน DAOL ปีนี้กลับมามีกำไร ธุรกิจหลักทรัพย์ยังสร้างรายได้หลัก ด้านธุรกิจบริหารจัดการกอง REIT คาดสร้างกำไรโดดเด่นรับเศรษฐกิจฟื้นตัว ผลตอบแทนเด่นดึงดูดนักลงทุนเข้าลงทุน ส่วนธุรกิจบลจ.มั่นใจ AUM เติบโต 20% กลับมาแตะ 8 พันล้านบาท ด้าน “บลจ.ดาโอ” มองหุ้นไทยพักฐานต่างชาติขายทำกำไร เป้าสิ้นปี 1,700-1,750 จุด แนะกระจายลงทุนจีน ยุโรป

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน ดาโอ (ประเทศไทย) หรือ DAOL เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่ม DAOL ในปี 2566 มั่นใจว่าจะพลิกกลับมามีกำไร หลังจากช่วงปีที่ผ่านมากำไรหดตัวลง ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลักยังมาจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดาโอ ขณะที่ธุรกิจบริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ภายใต้บริษัท ดาโอ รีท แมเนจเมนท์ (ประเทศไทย) จะกลับมาโดดเด่นในการสร้างกำไร คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10-15% หรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท จากปี 2565 กำไรอยู่ที่ 5-10% เท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลตอบแทนค่อนข้างโดดเด่นทำให้สินทรัพย์นี้มีความน่าสนใจในการลงทุนสูง พร้อมกันนี้ มีแผนออกกองรีทกองใหม่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ประเภทโรงแรม

ส่วนธุรกิจบริการสินเชื่อที่มีหลักประกัน ภายใต้บริษัท ดาโอ เลนด์ (ประเทศไทย) ยังมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมองปีนี้สินเชื่อมีโอกาสเติบโตสูงถึง 6,000-7,000 ล้านบาท จากยอดสินเชื่อในปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโบรกเกอร์ประกัน ภายใต้บริษัท วี ดิจิทัล อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ มีการเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกับธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองธุรกิจยังต้องใช้เวลาในการเติบโตเพื่อสร้างผลกำไร

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ดาโอ มั่นใจว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้จะกลับมาเติบโตสูงถึง 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา AUM อยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ส่วนการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มดาโอยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและรอข้อสรุป

อิศรา พุฒตาลศรี

นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ดาโอ (DAOL INVESTMENT MANAGEMENT) เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา AUM ภายใต้การบริหารของบริษัทลดลงจากราคาหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงฉุดมูลค่าทรัพย์สินกองทุน ซึ่งในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตในระดับ 20% โดยแผนปีนี้จะออกกองทุนที่สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ไม่ว่าภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร จึงเน้นออกกองทุนประเภทสินทรัพย์ทางเลือก แอปโซลูทรีเทิร์น กองทุนตราสารหนี้ เนื่องจากมองตลาดการลงทุนยังมีความผันผวน

สำหรับฐานลูกค้าของบริษัทยังคงมาจากบล.ดาโอเป็นหลักและปัจจุบันมีตัวแทนการขายซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์, บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน รวม 28 แห่ง และปีนี้จะมีธนาคารพาณิชย์เป็นตัวแทนขายกองทุนเป็นครั้งแรกหลังจากบริษัทดำเนินงานมา 3 ปีและมีผลงานของกองทุน

นิสารัตน์ ชมภูพงษ์

ด้านน.ส.นิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บลจ.ดาโอ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง 1 เดือนกว่าปรับตัวขึ้นมาเร็วขึ้นมาประมาณ 7% จึงมีการพักฐานลงมาบ้าง และกลับมาดูปัจจัยที่น่าจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้น คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าน่าจะไม่เกิน 5.25% ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า อาจทำให้ในระยะสั้นตลาดดีดตัวลงได้นิดหน่อย อย่างไรก็ตามยังมองเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อหุ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยน่าใกล้จุดสูงสุดแล้ว เงินเฟ้อเริ่มลดลงและภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เคยกังวลก็น่าจะไม่เกิดขึ้น จากการเปิดประเทศของจีนถือว่าส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจอย่างมาก

สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนในปีนี้ แนะนำให้มีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศสัดส่วน 70% หุ้นไทย 30% หลังจากปีที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับตัวดีกว่าตลาดต่างประเทศ ประกอบกับราคาหุ้นไทย P/E อยู่ที่ 18 เท่า เมื่อเทียบหุ้นโลกอยู่ที่ 15 เท่า โดยมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,700-1,750 จุด

“หุ้นไทยลดลงจากแรงขายทำกำไรของต่างชาติ เฉพาะเดือนก.พ.นี้ ต่างชาติขายไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากกำไรค่าเงิน ซึ่งฟันด์โฟลว์อาจต้องรอให้ค่าเงินบาทอ่อนลงกว่านี้ เงินก็จะกลับมา เนื่องจากไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่กลับมาเติบโตได้ดีในปีนี้ รวมทั้งยังได้รับอานิสงส์จากกการเปิดประเทศของจีน”น.ส.นิสารัตน์ กล่าว

ส่วนหุ้นกลุ่มที่น่าลงทุน เช่น ท่องเที่ยว โรงแรม และหุ้นที่เกี่ยวข้องการเปิดประเทศ แต่การลงทุนอาจต้องรอให้ผ่านช่วงที่มีความคาดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไปก่อน อาจหลังไตรมาสแรก เพราะหุ้นใหญ่ยังมีบริษัทน้ำมันที่ได้รับผลกระทบอยู่ แต่กลุ่มแบงก์อาจฟื้นตัวดีขึ้นได้บ้าง ขณะที่หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวน่าจะปรับตัวได้ดีกว่า

ส่วนการลงทุนในหุ้นต่างประเทศแนะนำหุ้นจีน H-Share พี/อีต่ำกว่า A-Share และเมื่อนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาจะเข้าที่ H-Share มากกว่า รวมทั้งหุ้นยุโรปที่ราคาถูก ส่วนหุ้นเวียดนามยังไม่แนะนำให้ซื้อเพิ่มมองหุ้นจีนน่าสนใจกว่า