ดาวโจนส์ปิดลบ 156 จุด เงินเฟ้อสูงกว่าคาด วิตกเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 156 จุด หลังรายงานเงินเฟ้อเดือนม.ค. +6.4% YoY สูงกว่าคาดที่ +6.2% YoY นักลงทุนประเมินเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย สวนทางดัชนี Nasdaq +0.57% ราคาน้ำมันดิบลดลง 1% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ส่วนใหญ่ปิดบวกเล็กน้อย ผลดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนดีกว่าคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ปิดที่ 34,089.27 จุด ลดลง 156.66 จุด หรือ 0.46% ลดลงจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงแรก หลังดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)เดือนมกราคมเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด ทำให้นักลงทุนประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,136.13 จุด ลดลง 1.16 จุด, -0.03%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,960.15 จุด เพิ่มขึ้น 68.36 จุด, +0.57%

กระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค CPI) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่า 6.2% ที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบรายเดือน เพิ่มขึ้น 0.5% สูงกว่า 0.4% ที่นักวิเคราะห์คาด

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบรายปีและเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

ไมค์ โลเวนการ์ต จากมอร์แกน สแตนเล่ย์โกลบอล อินเวสเม้นท์ กล่าวว่า ข้อมูลวันนี้เตือนว่าแม้เงินเฟ้อจะแตะระดับสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกิ่นที่จะเห็นการลดลงมาที่ระดับปกติ แต่ประเด็นคือเงินเฟ้อจะลดลงมาที่กรอบเป้าหมายของเฟดโดยที่ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเศรษฐกิจก็จะsoft landing แต่ก็ยังต้องดูว่าเมื่อไรที่เฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยและตลาดแรงงานจะไม่แข็งแกร่งแบบนี้

ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ และนางลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส ให้ความเห็นว่า เฟดต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อมากกว่าความเสี่ยงที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ด้านนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดมีความคืบหน้าในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ แต่งานของเฟดยังไม่จบ เพราะมีหลายปัจจัยที่มีผลให้การต่อสู้กับเงินเฟ้อยากขึ้น เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรปและจีน

นายแพททริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดฟิลาเดลเฟียกล่าวว่า เขาคิดว่า ภาระกิจในการดึงเงินเฟ้อลงของเฟดจะผ่อนคลายในเร็วๆนี้ “งานเรายังไม่เสร็จสิ้นแต่ก็ใกล้แล้ว ในจุดหนึ่งของปีนี้ ผมคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเข้มงวดมากพอให้เราคงดอกเบี้ยไว้ได้และปล่อยให้นโยบายการเงินทำงาน”

เดวิด เบอร์สัน จาก Cumberland Advisors กล่าวว่า เฟดคงไม่ผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ แต่จะปรับขึ้นไม่มาก ซึ่ง Fed funds rate จะเหนือระดับ 5% เล็กน้อย

นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานโดย หุ้นแมร์ริออต เพิ่มขึ้น 4% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาส 1 ปี 2023สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หุ้นโคคา-โคล่า ลดลง 1.7%แม้คาดการณ์ผลการดำเนินงานทั้งปีที่แข็งแกร่ง หุ้นเอวิสบัดเจ็ต ธุรกิจรถเช่าบวก 6.5% จากผลการดำเนินงานไตรมาสสี่ดีกว่าคาด

มากกว่าครึ่งของบริษัทในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่งราว 69% มีผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาด

หุ้นNvidia บวก 3.4% หลังแบงก์ออฟ อเมริกา ปรับราคาเป้าหมายขึ้นไปที่ 255 ดอลลาร์ต่อหุ้น

นักลงทุนยังรอการรายงานยอดค้าปลีกเดือนมกราคมในวันพุธ เพื่อหาสัญญานการใช้จ่ายของผู้บริโภคท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการรายงานผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดของบริษัทจดทะเบียน แต่อ่อนตัวลงในช่วงท้ายจากการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมกราคมของสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดวว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

ตลาดคาดว่าธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษ จะขึ้นดอกเบี้ยตามเฟด

การจ้างงานยูโรโซนในไตรมาสที่แล้วเพิ่มขึ้น 2 เท่าบ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังมีอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้ดอกเบี้ยสูงนานขึ้นอีก

นายกาเบรียล มาคลูฟ กรรมการ ECB ให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า ECB อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหนือระดับ 3.5% และไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 462.40 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด, +0.08%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,953.85 จุด เพิ่มขึ้น 6.25 จุด, +0.08%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,213.81 จุด เพิ่มขึ้น 5.22 จุด, +0.07%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,380.56 จุด ลดลง 16.78 จุด, -0.11%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 79.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 85.58ดอลลาร์ต่อบาร์เรล