SVR ปิดวันแรก 2.50 บาท สูงกว่า IPO 13.64%

HoonSmart.com>>หุ้นบริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท (SVR) สุดยอด เปิดวันแรกราคากระโดดที่ 3.26 บาท แจกกำไร 48.18% ก่อนปิดที่ 2.50 บาท ให้ผลตอบแทน 13.64% สูงกว่าขาย IPO ที่ 2.20 บาท แนวโน้มปี 66 บริษัทตั้งเป้ายอดโอนแตะ 1,000 ล้านบาท เติบโต 70-80% บล.โกลเบล็ก คาดกำไรสุทธิปี 65 อยู่ที่  59 ล้านบาท หดตัว 7% ปี 66 พลิกเติบโต 196% มีกำไรสุทธิ 174 ล้านบาท ประเมินราคาเหมาะสมปี 66 ที่ 3.07 บาท

หุ้นบริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท (SVR) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) วันที่ 8 ก.พ.2566 ฟอร์มสวย เปิดที่ 3.26 บาท เพิ่มขึ้น 1.06 บาท หรือ +48.18% จากราคาขาย IPO ที่ 2.20 บาท/หุ้น และขึ้นไปสูงสุดที่ 3.30 บาท ก่อนปิดที่ 2.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ +13.64% มูลค่าซื้อขายรวม 1,519.62 ล้านบาท

นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท กล่าวอย่างมั่นใจว่า ผลดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 4/2565 จะดีที่สุดของปี เนื่องจากมีโครงการแนวราบสร้างเสร็จช่วงปลายปี เริ่มทยอยรับรู้ยอดโอนเข้ามาแล้วบางส่วน แนวโน้มในปี 2566 ตั้งเป้ายอดโอนรวม 1,000 ล้านบาท เติบโต 70-80% จากการทยอยรับรู้ต่อเนื่องอีก 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,681 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ราว 300-400 ล้านบาท โดยไตรมาสที่ 3 จะเริ่มทยอยเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,700 ล้านบาท นำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ไปขยายการลงทุน เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าและครอบคลุมทุกกลุ่มเซกเมนท์

บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาเหมาะสมของ SVR ด้วยวิธี PER โดยใช้ Prospective PER ที่ ระดับ 9 เท่า ซึ่งต่ำกว่า PER เฉลี่ยของหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ระดับ 18 เท่า คาดกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2566 ราว 0.341 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสม  3.07 บาท ทั้งนี้ คาดกำไรปี 2565 หดตัว 7% และพลิกเติบโต 196% ในปี 2566 ประเมินรายได้จากการขายในปี 2565–2566 ราว 699 ล้านบาท และ 1,245 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 26% และ 78% ตามลำดับ ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นสู่ 34.6%  จากระดับ 30.8% ในปี 2564 ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิอยู่ที่ราว 59 ล้านบาท สำหรับปี 2565 และ 174 ล้านบาทสำหรับปี 2566 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR)  42% ต่อปี หรืออัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 8.4% ในปี 2565 และ 14.1% ในปี 2566

ผลการดำเนินงานปี 2562-2564 และ 9 เดือนปี 2565 แสดงถึงการเติบโต รายได้หลัก 80-90% มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมีรายได้รวม สำหรับปี 2562-9 เดือนปี 65 เท่ากับ 243.04 ล้านบาท 557.35 ล้านบาท 575.65 ล้านบาท และ 532.45 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตต่อเนื่อง ตามแผนขยายโครงการและแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านจัดสรร โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 28.47% 26.48%30.39% และ 33.60% ตามลำดับ อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2563 ลดลง เนื่องจากการปรับลดราคาขายเพื่อให้แข่งขันกับคู่แข่งได้   ส่วนที่สูงขึ้นในปี 2565 จากการรับรู้รายได้โครงการใหม่ที่เริ่มพัฒนาในช่วงครึ่งหลังปี 2564 ได้รับการตอบรับดี และมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 5.15 ล้านบาท โดยพลิกมีกำไร 42.49 ล้านบาท 63.35 ล้านบาท และ 35.99 ล้านบาท ในปี 2563 – งวด 9 เดือนปี 65 ตามลำดับ

บล.ทิสโก้ มองว่า ในปี 2566 SVR จะมีโครงการที่พร้อมโอนเพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ ปัจจุบันบริษัทมีที่ 3 แปลงที่ได้ยุติการพัฒนาและอยู่ระหว่างการประกาศ เนื่องจาก 1. ที่ดิน อ.่บางละมุง ติดปัญหาด้านของโซนนิ่ง 2.ที่ดินที่ภูเก็ต อ.ถลาง ชะลอแผนการพัฒนา เนื่องจากอยู่ไกลเกินไปยากแก่การบริหาร และ 3.ที่ดิน อ.ลาดหลุมแก้ว อยู่ระหว่างการหาซื้อที่ดินเพิ่มเติม และประกาศขายหากมีผู้สนใจ รวมมูลค่า 110 ล้านบาท หรือ 9.54% ของสินทรัพย์ในวันที่ 30 ก.ย.ทำให้มีโอกาสขายที่ดินเช่นในปี 2565 ได้ในอนาคต

แต่ในเชิงของการประเมินมูลค่าแล้วด้วยเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง, กำลังซื้อของคนที่ลดลง และดอกเบี้ยในขาขึ้นเป็นปัจจัยกดดันการเติบโต หากเทียบกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจคล้ายกันอิง PER เฉลี่ยที่ประมาณ 10 เท่า จะทำให้ราคา IPO ค่อนข้างมีความเหมาะสมแล้ว