HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี (IRPC)” เปิดปี 65 ขาดทุนสุทธิ 4,363.62 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายสุทธิ 318,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน เฉพาะไตรมาส 4/65 ขาดทุน 7,149 ล้านบาท จากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผน 1 เดือน บันทึกขาดทุนสินค้าคงคลังสุทธิ (Net Inventory Loss) รวม 6,816 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 3,826 ล้านบาท บอร์ดใจดี อนุมัติให้นำกำไรสะสมมาจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.03 บาท เท่ากับ 0.99% ขึ้น XD 21 ก.พ.นี้
บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2565 มีผลขาดทุนสุทธิ 4,363.62 ล้านบาท ขาดทุนหุ้นละ 0.21 บาท พลิกจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 14,504.62 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 0.71 บาท เฉพาะไตรมาสที่ 4/2565 ขาดทุนสุทธิ 7,149 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสที่ 3 ขาดทุนสุทธิ 2,549 ล้านบาท และช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,194 ล้านบาท
ในปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิ จำนวน 318,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุมาจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 43% ตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณขายลดลง 8% โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 175,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 9% เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผน (Major Turnaround) ในไตรมาสที่ 4/2565 ประมาณ 1 เดือน
บริษัทฯมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 23,761 ล้านบาท (10.57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ลดลง 20% เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวลดลง ประกอบกับต้นทุน Crude Premium ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน
ในปี 2565 ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2564 ที่ราคาเฉลี่ย 69.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 96.34 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยเฉพาะช่วงปลายปี ทำให้บริษัทต้องบันทึกขาดทุนสินค้าคงคลังสุทธิ (Net Inventory Loss) จำนวน 6,348 ล้านบาท หรือ 2.82 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ประกอบด้วยกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 4,384 ล้านบาท ขณะที่มีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่ได้รับ (NRV) จำนวน 2,347 ล้านบาท และขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่เกิดขึ้นจริง จำนวน 8,385 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไร Net Inventory Loss จำนวน 11,104 ล้านบาท หรือ 4.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM)จำนวน 17,413 ล้านบาท หรือ 7.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 23,279 ล้านบาท หรือ 10.29 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายดำเนินงานจำนวน 12,813ล้านบาท ลดลง 6% ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จำนวน 3,987 ล้านบาท ลดลง 22,974 ล้านบาทหรือลดลง 85%
นอกจากนี้ บริษัทฯ บันทึกค่าเสื่อมราคาจำนวน 8,059 ล้านบาท ลดลง 6 % ต้นทุนทางการเงินสุทธิ 1,836 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น กำไรจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจำนวน 28 ล้านบาท ลดลง 91% และกำไรจากการลงทุน 289 ล้านบาท ลดลง 60% ขณะที่มีกำไรจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน 238 ล้านบาท ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาขาดทุนดังกล่าว 302 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ 171 ล้านบาทลดลง 64% เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าน้อยกว่าปีก่อน โดยบริษัทฯ มีเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ จำนวน 100 เหรียญสหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2565
บริษัทฯ มีการบันทึกเครดิตภาษีเงินได้จำนวน 1,142 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีภาษีเงินได้ 2,351 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวลดลง
“เฉพาะไตรมาสที่ 4 บริษัทฯบันทึก Net Inventory Loss รวม 6,816 ล้านบาท หรือ 17.00 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ประกอบด้วยขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 3,826 ล้านบาท NRV 1,905 ล้านบาท และขาดทุนจาก Realized Oil Hedging 1,085 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 70% ส่งผลให้บริษัทขาดทุนจาก Accounting GIM จำนวน 4,207 ล้านบาท หรือ 10.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีกำไรจาก Accounting GIM 465 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 3,593 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% ทำให้บริษัทมีผลขาดทุน EBITDA จำนวน 7,836 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 180%”
ด้านคณะกรรมการบริษัทฯมีมติเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 5 เม.ย.2566 พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.03 บาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 22 ก.พ. 2566 กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 ก.พ. และจ่ายเงินวันที่ 26 เม.ย.2566 ทั้งนี้ จ่ายจากกำไรสะสม คิดเป็นอัตราตอบแทนปันผลประมาณ 0.99% เทียบกับราคาหุ้นปิดที่ 3.04 บาท เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2566