โบรกมองหุ้นอสังหาฯใกล้เต็มมูลค่า เลือก AP-SIRI โดดเด่น

HoonSmart.com>>โบรกเกอร์มองผลประกอบการไตรมาส 4/65 หุ้นกลุ่มอสังหาฯเติบโตได้ดี บล.กรุงศรีมองปี 66 มีแนวโน้มเติบโตได้อีกเล็กน้อย ราคาหุ้นเหลือ upside จำกัด ชี้ SIRI – ANAN กำไรเติบโตแข็งแกร่ง ส่วน SPALI เป็นรายเดียวที่กำไรลดลง คัดเลือกหุ้นเด่น AP  บล.กสิกรไทยแนะนำหุ้นกลุ่มผู้นำอย่าง AP, LH, ORI, SPALI, SC และ SIRI

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี วิเคราะห์หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า แนวโน้มเติบโตไม่สูงและเหลือ upside จำกัด โดยอุปทานของโครงการเปิดใหม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 65 จนกลับไปอยู่ใกล้ระดับเฉลี่ยก่อน COVID ระบาดแล้ว ในขณะที่อุปสงค์ก็ฟื้นตัวแบบกระจายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียม และกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำ แต่บล.กรุงศรีมองว่าผลประกอบการในปี 66 จะมีแน่วโน้มการเติบโตได้ในระดับต่ำ อีกทั้งราคาหุ้นก็เหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายอีกไม่มากแล้ว ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์จึงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ NEUTRAL โดยเลือก AP เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

อุปทานของโครงการเปิดใหม่ฟื้นตัวกลับไปอยู่ระดับก่อน COVID ระบาดแล้ว Agency for Real Estate (AREA) ออกรายงานสรุปข้อมูลในตลาดที่อยู่อาศัยปี 65 โดยระบุว่าอุปทานของโครงการเปิดใหม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจนกลับไปอยู่ใกล้ระดับเฉลี่ยก่อน COVID ระบาดที่ราวปีละ 100,000 ยูนิตแล้ว โดยยอดเปีดโครงการใหม่ในปี 65 อยู่ที่ 107,106 ยูนิต เพิ่มขึ้นถึง 77% yoy เพราะฐานที่ต่ำในปี 64 ซึ่งมีการใช้มาตรการ lockdown แคมป์คนงานก่อสร้าง ส่งผลกระทบต่อการเปิดโครงการใหม่ และทำให้หลายโครงการต้องเลื่อนมาเปิดในปี 65

ทั้งนี้ ยอดเปิดโครงการแนวราบมีการเปิดเพิ่มขึ้น 44% ในขณะที่ยอดเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นถึง 129% อย่างไรก็ดี ราคาที่อยู่อาศัยเปิดใหม่เฉลี่ยต่อยูนิตในปี 65 ลดลง 4% เหลือ 4.4 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่ 4.6 ล้านบาท เพราะโครงสร้างของตลาดขยับไปทางคอนโดมิเนียมมากขึ้นจาก 39% เป็น 50% ของตลาด

อุปสงค์ฟื้นตัวแบบกระจายตัวมากขึ้น ด้านทางฝั่งอุปสงค์ อัตรา take-up rate ในปี 65 มีการฟื้นตัวด้วยเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นเป็น 32.8% จาก 26.5% ในปี 64 สะท้อนถึงภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยอัตรา Take-up rate ของโครงการระดับ premium (ราคา 3-10 ล้านบาทต่อยูนิต) และระดับหรู (ราคา >10 ล้านบาทต่อยูนิต) ทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 20% กลาง ๆ ในขณะที่อัตรา take-up ของตลาด mass (ราคา <3 ล้านบาทต่อยูนิต) เพิ่มขึ้นดีชัดจาก 28.5% ในปีก่อนหน้าเป็น 37.7% ซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวที่กระจายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โรคระบาด กอปรกับมีผู้ประกอบการหลายเจ้าลงมาเล่นเจาะตลาดในกลุ่มนี้ในช่วงที่เปิดโครงการหรูน้อย

บล.กรุงศรีคาดว่าผลประกอบการของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะดีขึ้นทั้ง qoq และ yoy ในไตรมาส 4/65 จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโครงการแนวราบ และยอดโอนที่สูงตามฤดูกาลของโครงการคอนโดมิเนียม แต่เมื่อมองต่อไปในปี 66 ประเมินว่าทั้งกำไร และยอดโอนจะเติบโตต่ำ หลังจากที่ยอดเปิดโครงการคอนโดใหม่ซบเซาในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพราะสถานการณ์โรคระบาด ทำให้ backlog ยกมาโอนมีน้อย นอกจากนี้ ยังมองว่าราคาหุ้นเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของฝ่ายวิเคราะห์อีกไม่มากแล้ว ดังนั้น จึงยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ NEUTRAL และแนะนำให้เลือกลงทุนเป็นรายตัว โดยบล.กรุงศรีเลือก AP (ราคาเป้าหมาย 14.30 บาท) เป็นหุ้นเด่น

คาดว่าบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยรายหลัก 8 รายที่บล.กรุงศรีติดตาม จะมีกำไรสุทธิรวมในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 9.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% qoq และ 32% yoy โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง yoy จะมาจากรายได้ยอดโอนที่ฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโครงการแนวราบตามกระแสนิยมผู้บริโภค ในขณะเดียวกัน กำไรที่เพิ่มขึ้น qoq สาเหตุหลักจะเป็นเพราะปัจจัยทางด้านฤดูกาล

เนื่องจากไตรมาส 4 มักเป็นช่วงที่มียอดโอนคอนโดสูงสุดของปี โดยจะมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ถึง 8 โครงการจากผู้ประกอบการหลักที่ถึงกำหนดโอนในไตรมาส 4/65 คาดว่ากำไรของ SIRI จะเติบโตแข็งแกร่งที่สุด yoy เพราะจะรับรู้ยอดโอนสูงจากทั้งโครงการแนวราบ (อย่างเช่น นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา) และคอนโดมิเนียมอีกสามโครงการ (XT พญาไท, The Muve เกษตร และ The Muve ราม 22)

นอกจากนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานของ ANAN จะเติบโตแข็งแกร่งที่สุด qoq เพราะจะมีกำไรจากการขายการที่ดินประมาณ 500 ล้านบาท ด้านผู้ประกอบการที่อาจมีแนวโน้มกำไรที่อ่อนแอลง มองว่า LPN ในไตรมาส 4/65 จะแย่ที่สุด qoq และคาดว่า SPALI จะเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่กำไรลดลง yoy เพราะไม่มีคอนโดมิเนียมใหม่ที่พร้อมโอนในไตรมาส 4/65

บล.กสิกรไทย คงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มที่อยู่อาศัย กำไรที่แข็งแกร่งในปี 65 การประกาศแผนธุรกิจเชิงรุกสำหรับปี 66 และฤดูกาลจ่ายเงินปันผลจะช่วยหนุน อย่างน้อยในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การเลือกหุ้นเป็นรายบริษัท ควรจะถูกนำมาใช้มากขึ้นในปี 66 จากแนวโน้มการเติบโตที่จะชะลอตัวลง

บล.กสิกรไทยยังคงชอบผู้นำอย่าง AP, LH, ORI, SPALI, SC และ SIRI แต่หุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตสูงอย่าง BRI และหุ้นที่ฟื้นตัวอย่าง ANAN และ QH ก็น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเรื่องราวการลงทุนที่แตกต่าง

ทั้งนี้ คาดกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 65 แม้ว่าปัญหาขาดแคลนแรงงานและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาส 4/65 จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อกำไรของบริษัทพัฒนาอสังหาฯ บางราย ทำให้ประมาณการกำไรของกลุ่มธุรกิจในไตรมาส 4/65 ทรงตัว QoQ แม้ว่าจะเติบโต YoY แต่การโอนกรรมสิทธิ์ของบริษัทพัฒนาอสังหาฯ หลายรายยังแข็งแกร่ง จากการโอนกรรมสิทธิ์ backlog ก้อนใหญ่ และการตัดสินใจที่จะเลื่อนรายได้ที่วางแผนไว้บางส่วนในไตรมาส 1/66 มายังไตรมาส 4/65 เพื่อลดผลกระทบจากค่าธรรมเนียมการโอนที่สูงขึ้น มองว่ากำไรปี 65 ของกลุ่มที่อยู่อาศัยจะเติบโตแข็งแกร่งที่ 27% โดย AP, BRI, ORI, SC, SIRI และ SPALI จะรายงานสถิติสูงสุดใหม่ของกำไรประจำปีในปี 65

 

#AP #LH #ORI #SPALI #SC #SIRI #ANAN #บล.กสิกรไทย #บล.กรุงศรี