BYD-NEX-EA ปรับขึ้น รายได้-กำไรมีอัพไซด์หลังกทม.จะใช้รถเมล์ EV

HoonSmart.com>>หุ้น BYD-NEX-EA ต่างปรับตัวขึ้น เล็งรายได้-กำไรเพิ่มขึ้นหลังเปลี่ยนรถเมล์เอกชน กทม. เป็น EV นำร่อง ‘คาร์บอน เครดิต’โดยในส่วนของ EA จะได้ประโยชน์จากสัดส่วนการถือหุ้นโรงงานประกอบรถ EV bus (AAB) ที่ 55% (NEX ถือ 45%) ทั้งนี้จะเป็น upside ต่อรายได้-กำไรของ EA ราว 400 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นราว 4% ของกำไรปี 67 ที่ประเมินราว 1 หมื่นล้านบาท ส่วน NEX จะได้ประโยชน์จากโอกาสที่จะได้รับคำสั่งซื้อรถเมล์ไฟฟ้ามากขึ้น

เมื่อเวลา 11.09 น.หุ้น BYD-NEX-EA ต่างปรับตัวขึ้น โดยหุ้น BYD พุ่ง 6.72% มาที่ 12.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 246.30 ล้านบาท
หุ้น NEX บวก 2.29% มาที่ 17.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 93.91 ล้านบาท
หุ้น EA บวก 1.45% มาที่ 87.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 525.77 ล้านบาท

ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการเปลี่ยนรถเมล์เอกชน เป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า (รถร่วมบริการ) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นำร่องโครงการคาร์บอนเครดิต ระหว่างประเทศ ครั้งแรกของไทย โดยให้บริษัท EA ทำสัญญาแลกเปลี่ยน คาร์บอนเครดิตกับสวิสฯปีละ 5 แสนตัน เป็นระยะเวลา 10 ปี

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองเป็นบวกต่อทั้ง EA และ NEX โดยในส่วนของ EA จะได้ประโยชน์จากสัดส่วนการถือหุ้นโรงงานประกอบรถ EV bus (AAB) ที่ 55% (NEX ถือ 45%) และสัญญาซื้อขายคาร์บอนเครดิตกับสวิสจากการลดการปล่อย CO2 ได้ราว 100 ตัน/คัน/ปี หรือ 5 แสนตันต่อปี จากสมมติฐานราคาซื้อขาย คาร์บอนเครดิตที่ 25 เหรียญสหรัฐต่อตัน จะเป็น upside ต่อรายได้และกำไรของ EA ราว 400 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นประมาณ 4% ของกำไรปี 2567 ที่ประเมินราว 1 หมื่นล้านบาท

สำหรับในส่วนของ NEX จะได้ประโยชน์จากโอกาสที่จะได้รับคำสั่งซื้อรถเมล์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยปัจจุบัน NEX มีคำสั่งซื้อในการจัดหา รถเมล์ไฟฟ้าให้กับผู้ได้รับสัมปทานการเดินรถประจำทางอย่าง บริษัท ไทย สมายส์บัส หรือ TSB รวม 77 เส้นทาง รวมกว่า 3.2 พันคัน (โดยในปี 2565 ได้มีการส่งมอบไปแล้วไม่ต่ากว่า 1 พันคัน และในปี 2566 จะส่งมอบอีก ราว 2 พันคัน) ซึ่งหากภาครัฐต้องการจัดหารถเมล์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นรวมเป็น 5 พันคัน ทำให้ประเมินว่า NEX ยังมีโอกาสได้คำสั่งซื้อเพิ่มในอนาคต ทั้งนี้ EA แนะนำ”ถือ”เป้าหมาย 90 บาท ส่วน NEX เแนะนา”ซื้อ”เป้าหมาย 24 บาท