หุ้นตกใจ! ส่งออกธ.ค.ดิ่ง 14.6% กำไร บจ.ร่วง จับตา กนง.หั่นเป้า GDP

HoonSmart.com>>หุ้นร่วง-เงินบาทอ่อน ผิดหวังส่งออกธ.ค.ดิ่ง 14.6% เกินตลาดคาดที่ -11% พาณิชย์หวังปีนี้โต 1-2% เจอกำไรบจ.ต่ำคาด SCGP ทรุดไตรมาส 4 ฉุด SCC ร่วงตาม นักลงทุนต่างชาติพลิกขายหุ้น ตลาดติดตามการประชุม กนง. 25 ม.ค. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สภาผู้ส่งออกร้องชะลอการขึ้น ลุ้นปรับลดคาดการณ์ GDP  เป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ธนาคารโลกชี้เศรษฐกิจไทยโต 3.6% ครม.อนุมัติงบ 3,946.44 ล้านบาทเปิดโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5  ด้าน YLG คาดราคาทองขาขึ้นไตรมาสแรก 1,960 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 30,500 บาท ปีนี้บวกแล้ว 6% 

วันที่ 24 ม.ค.2566 ตลาดหุ้นพลิกจากบวกมาปิดติดลบ 1.10 จุดที่ระดับ 1,682.94 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,561.00 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายเล็กน้อย 867 ล้านบาท และเงินบาทกลับมาอ่อนค่าปิดที่ 32.82 บาท/ดอลลาร์

ตลาดหุ้นพลิกจากบวกมาปิดติดลบ ส่วนหนึ่งเกิดจากนักลงทุนผิดหวัง SCGP ประกาศกำไรของปี 2565 โดยเฉพาะไตรมาสที่ 4 ออกมาต่ำกว่าคาดมาก ลากหุ้น SCC ร่วงลงตาม รวมถึงตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค.65 ดิ่งลงแรง -14.6% ขณะที่ตลาดคาดการณ์-11% อย่างไรก็ตามรวมทั้งปี 2565 ยังคงเติบโต 5.5% แนวโน้มปี 2566 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าขยายตัวเพียง 1-2%

ตลาดจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 ม.ค. 2566 คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% แม้คณะกรรมการสภาผู้ส่งออก เรียกร้องให้ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่ากระทบต่อมูลค่าการส่งออก  และใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท

นอกจากนี้จะต้องติดตามการประชุม กนง.ว่าจะมีการปรับลดประมาณการ  GDP ปี 2566 และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ก่อนหน้าคาดการณ์ไว้ที่ 22 ล้านคนหรือไม่

ด้านธนาคารโลก คาดเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตเพียง 3.6% ในปีนี้ ซึ่งสะท้อนการฟื้นตัวที่ล่าช้าในภาคที่ต้องอาศัยการติดต่อใกล้ชิดเป็นหลัก เช่น การท่องเที่ยวและการขนส่ง ขณะที่เศรษฐกิจมาเลเซียจะเติบโต 4.0% ฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเติบโต 5.4% และเวียดนามมีแนวโน้มเติบโต 6.3%

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 ม.ค.2566 เป็นไปตามคาด อนุมัติงบ 3,946.44 ล้านบาท ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ส่งผลให้หุ้นท่องเที่ยวและโรงแรงคึกคักขึ้น นำโดย MINT ราคาปิดที่ 33.25 บาท บวก 0.75 บาทหรือ +2.31% ผลัดดันให้วอร์แรนต์พุ่งแรงมาก โดยเฉพาะ MINT-W8 ปิดที่ 5.15 บาท บวก 0.73 บาทหรือ+16.52% และ MINT-W9 ปิดที่  3.92 บาท บวก 0.16 บาทหรือ +4.26%

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินการประชุม กนง. นัดแรกของปี คาดจะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องที่ 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของ ธปท. ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาดเนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน และอุปสงค์ในประเทศจีนที่ทยอยกลับมาเป็นปกติจะช่วยหนุนการส่งออกไทยแม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมจะยังคงกดดันการส่งออกไทยอยู่

ด้านตลาดหุ้นไทยปี2566 (1-24 ม.ค.) บวก 14.28 จุดหรือ 0.86% ดัชนีปิดที่ 1,682.94 จุด แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาจำนวน 18,912 ล้านบาท เนื่องจากถูกแรงขายจากสถาบันไทยมากกว่า 20,767 ล้านบาท ส่วนราคาทองคำเพิ่มขึ้น 6%

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส   (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ตั้งต้นปีราคาทองคำเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 6% จากที่เปิดมาราว 1,823 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากแรงซื้อของจีนฟื้นรับการเปิดประเทศหนุนเงินหยวนแข็งค่ากดดันดอลลาร์ บวกกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย

YLG มองว่าทิศทางทองคำจะยังคงเป็นขาขึ้นเกือบตลอดทั้งไตรมาส 1 นอกจากนี้เทศกาลตรุษจีนในช่วงที่ผ่านก็ส่งผลให้ตลาดทองคำคึกคักเช่นกัน ดังนั้น ระยะสั้นจึงมองเป้าหมายราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปที่ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ ประมาณ 30,500 บาท/บาททองคำ หากต้องการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แถวๆ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพราะมีโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นตามเป้าที่มองไว้ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์  แต่ถ้าต้องการ “ซื้อสะสม” แนะนำให้รอราคาปรับตัวลง แถวๆ 1,650-1,700 ดอลลาร์สหรัฐ  คิดเป็นเงินไทยกรอบแนวรับ 25,500-26,400 บาท