ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ประชุม 25 ม.ค.นี้ ขึ้นอีกรอบ Q1/66

HoonSmart.com>> “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาด กนง.ประชุมนัดแรก 25 ม.ค.นี้ ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจากปีก่อนอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง พร้อมคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ภายในไตรมาส 1/66 ก่อนคงดอกเบี้ยระดับ 1.75% ตลอดปีนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นัดแรกของปีในวันที่ 25 ม.ค.2566 คาดว่ากนง. จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องที่ 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธปท. ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาด

ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนธ.ค. ที่ผ่านมาเร่งสูงขึ้นที่ระดับ 5.89% YoY ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนธ.ค. อยู่ในระดับใกล้เคียงกับในเดือนก่อนหน้าโดยอยู่ที่ระดับ 3.23% YoY สะท้อนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ในด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลัง โดยการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาดจะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ประกอบกับอุปสงค์ในประเทศจีนที่ทยอยกลับมาเป็นปกติจะช่วยหนุนการส่งออกไทยแม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมจะยังคงกดดันการส่งออกไทยอยู่

พร้อมกันนี้มองว่าในระยะข้างหน้า กนง. มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียง 1 ครั้งที่ 0.25% ภายในไตรมาสแรกของปี 2566 นี้ และอาจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ไปจนตลอดทั้งปี 2566 ท่ามกลางเงินเฟ้อไทยที่มีแนวโน้มที่จะค่อยๆ ปรับลดลงสู่กรอบเป้าหมายของธปท. ที่ 1-3% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียมหรือฟื้นตัวแบบรูปตัว K (K-shaped recovery) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ดี ในขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะที่เชื่อมโยงกับการส่งออกมีแนวโน้มที่จะยังคงเปราะบางเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงกดดันลดลงและมีทิศทางแข็งค่าโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี

อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้าคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยที่ออกมา รวมถึงทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลักอย่างเฟดเป็นสำคัญ โดยหากเงินเฟ้อไทยยังคงอยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด และเฟดจำเป็นต้องยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวอย่างต่อเนื่อง คงส่งผลให้กนง. เผชิญแรงกดดันมากขึ้น และอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้