ธอส.ปล่อยสินเชื่อ 286,888 ล้าน ทะลุเป้า 6 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประสบความสำเร็จเหนือคาด ปี’65 มีกำไรสุทธิ 14,047 ล้านบาท ปล่อยสินเชื่อ 226,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้  60,465 ล้านบาท หรือ 26.70% มียอดคงค้าง 1,589,699 ล้านบาท คงความเป็นผู้นำของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในระบบสถาบันการเงิน มีส่วนแบ่งตลาด  33.48% ส่วน NPLs อยู่ที่ 3.74% ลดลงจากปีก่อนที่ 4.00% แนวโน้มปี 66 ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 233,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 ว่า ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้จำนวน 286,888 ล้านบาท 234,266 บัญชี เพิ่มขึ้น 16.21% จากปี 2564  สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 226,423 ล้านบาท จำนวน 60,465 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.70% โดยแบ่งเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจำนวน 120,415 ราย ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565   ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,589,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.98% คงความเป็นผู้นำของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยมีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างในระบบสถาบันการเงินที่ 33.48% (ข้อมูล ณ เดือนก.ย. 2565)

ธอส.ยังมีสินทรัพย์รวม 1,659,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.16% เงินฝากรวม 1,416,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.11% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) จำนวน 59,814 ล้านบาท คิดเป็น 3.74% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 4.00% สะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ NPLs ด้วยการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาผ่อนชำระในเชิงรุก อาทิ ให้ผ่อนชำระเงินงวดต่ำ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ และแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ ทั้งนี้ ณ วันที่ 3 ม.ค. 2566 มีลูกค้าอยู่ระหว่างการรับความช่วยเหลือตามมาตรการจำนวนรวม 62,175 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 61,728 ล้านบาท  ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือไปถึงเดือนมิ.ย.2566 จำนวน 22,967 ราย ธนาคารได้มีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 129,018 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPLs สูงถึง 215.70% เพื่อความมั่นคงและความพร้อมรองรับความเสี่ยงในอนาคตของกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยมีกำไรสุทธิ 14,047 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่ 15.18% (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2565) สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด

ปัจจัยหลักที่ทำให้ ธอส. ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เกินกว่าเป้าหมายในปี 2565 ได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2565 เกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยและรายได้ของประชาชนที่ฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐ การเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งถือเป็นช่วง ไฮซีซั่นของตลาดที่อยู่อาศัยก่อนมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV จะสิ้นสุดในปลายปี 2565 และการประกาศการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านของ ธอส. ไว้ถึงสิ้นเดือนม.ค. 2566 แม้ตลอดปี 2565 คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 0.75% ต่อปี ทำให้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อของ ธอส. ทุกประเภทได้รับความสนใจจากประชาชนที่ต้องการมีบ้าน

สำหรับในปี 2566 ธอส. ยังคงเดินหน้าสานต่อนโยบายรัฐบาล สร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับประชาชน ด้วยการทำให้คนไทยมีบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 233,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากเป้าหมายในปี 2565  ส่วนหนึ่งจะมาจากความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในการจัดทำ “โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน” ภายใต้กรอบวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกันตน ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 สามารถใช้สิทธิในการไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัย จากสถาบันการเงินอื่นมาที่ ธอส. รวมถึงเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับ ธอส. อัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีที่ 1-5 ปี เท่ากับ 1.99% ต่อปี วงเงินให้กู้สูงสุดตามจำนวนเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยหลังจากเปิดให้ผู้ประกันตนขอรับรหัสเข้าร่วมโครงการเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ล่าสุด ณ วันที่ 17 ม.ค. 2566 มีผู้ประกันตนขอรับรหัสเข้าร่วมโครงการผ่าน Application GHB ALL GEN มากกว่า 57,000 ราย และ ธอส. ได้อนุมัติสินเชื่อแล้วมากกว่า  2,300 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ธอส. ยังประสบความสำเร็จในการพัฒนา GHB ALL GEN ซึ่งเป็น Mobile Banking Application ที่ให้บริการได้ครบทุกบริการ ในเดือนม.ค. 2566 ภายหลังจากเริ่มให้บริการลูกค้าตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2565 โดยลูกค้าจะสามารถยื่นขอสินเชื่อ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อออนไลน์ Digital Loan Officer (LO)ติดตามสถานะหลังจากยื่นกู้ ขอหนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้ และเปิดบัญชีเงินฝากประจำได้ด้วย พร้อมกันนี้ ยังมีการปรับปรุงกระบวนการให้บริการลูกค้า End to End Process หรือการให้บริการลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายผ่านระบบดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็ว และลดต้นทุนการดำเนินงานของธนาคารได้ไปพร้อมกัน ด้วย 3 Modules หลักประกอบด้วย 1. ด้าน Funding การระดมทุนผ่านหลายช่องทาง เงินฝากแบบอิเล็กทรอนิกส์ สลากออมทรัพย์ 2. ด้านสินเชื่อ ด้วย GHB ALL GEN  การนำ Data Analytic ทางด้านการประเมินราคาที่อยู่อาศัยมาพัฒนาระบบ Digital Appraisal ทำให้ลูกค้าทราบราคาประเมินบ้านเบื้องต้นได้ทันทีในขณะยื่นกู้กับเจ้าหน้าที่ การเซ็นสัญญาเงินกู้แบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการลงนามรูปแบบกระดาษได้ด้วย e-Contract และ 3. การบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพ ด้วย Application : GHB ALL BFRIEND ช่วยให้ลูกค้าที่ประสบปัญหาในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านได้รับทางเลือกและเงื่อนไขการชำระหนี้ที่เหมาะสมกับปัญหา และ Application : GHB ALL HOME ให้บริการครบทุกความต้องการ เรื่องบ้านมือสอง ธอส.