บล.ดีบีเอสชี้ครึ่งปีแรก SET ลุ้น 1,760 แนะจัดพอร์ตหุ้น 60% ถือ 10 หุ้นเด่น

HoonSmart.com>>บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส มองตลาดหุ้นครึ่งปีแรกดีกว่าครึ่งปีหลังตั้งเป้า SET 1,760 จุด แนะแบ่งพอร์ตหุ้น 60% ตราสารหนี้ 40% เลือกลงทุนหุ้นเด่น  AOT, BDMS, ERW, CPALL, CPN, BGRIM, BBL, KBANK, ADVANC และ LH

นายธนวัฒน์ ปัจฉิมกุล ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวถึง ภาพรวมเศรษฐกิจโลก คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ Fed จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอัตราดอกเบี้ยจะสูงสุดที่ 5.0% (ปัจจุบัน 4. 5%) เนื่องจากมีความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ถึงเวลาลดดอกเบี้ย ในปี 2565 ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ปรับตัวลดลงพร้อมกัน แนะนำให้ใช้จังหวะนี้ปรับพอร์ตลงทุน ให้น้ำหนักหุ้น 60% ตราสารหนี้ 40%

ในส่วนของตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนหรือ Bond yield จะสูงสุดในปีนี้หลังเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์ที่เคยแข็งตัวมากในปีก่อนๆก็จะผ่านจุดสูงสุดเช่นกัน ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนตราสารหนี้เป็น Overweight ในตราสารระดับ investment grade ที่ให้ yield เกิน 5%

สำหรับตลาดหุ้นคาดว่าจะมีการปรับลดประมาณการผลประกอบการ แต่สะท้อนไปในราคาหุ้นระดับหนึ่งแล้ว แนะนำเลือกหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่นมากกว่ายุโรป ส่วนหุ้นจีนน่าสนใจ จากแนวนโยบายผ่อนคลายการควบคุมโควิด และแนวโน้มการเปิดประเทศในปีนี้ นอกจากนี้ ได้ปรับลดน้ำหนักลงทุน “ทองคำ” เป็น Underweight เพราะ yield ที่สูงลดความน่าสนใจทองคำในช่วงนี้ เงินไหลเช้า yield assets  ปัจจัยสี่ยง ต้องจับตาความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน, การเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล, การเมืองระหว่างประเทศ, เทคโนโลยี, สภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม

นายธนวัฒน์ แนะนำประเด็นลงทุนใน Theme Cybersecurity ระบุว่า ความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นหนึ่งในธีมการลงทุนระยะยาวในยุคดิจิทัล คาดรายได้ของบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรม cybersecurty ในปีที่ผ่านมาจะขึ้นไปแตะ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรายได้ของบริษัทใหญ่กลุ่มนี้มีสัดส่วน 1 ใน 4 ของการใช้จ่ายด้าน cybersecunty ทั่วโลก คาดว่ากลุ่มผู้นำอุตสาหกรรมเหล่านี้ จะสามารถขยาย market shares ได้ต่อเนื่อง

กองทุนที่น่าสนใจ TCYBER (ทิสโก้ Cyber Security) มีการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนใน Allianz & Global X แต่ค่าธรรมเนียมจัดการสูง สำหรับความเสี่ยง ต้องพิจารณาความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน, การลงทุนในอุตสาหกรรมเฉพาะมีความเสี่ยงสูงกว่าตลาด, ความเสี่ยงด้านกฎหมาย เทคโนโลยี ความเสี่ยงจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม ภาวะเศรษฐกิจ ภาวะตลาด เป็นต้น

นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ ระบุว่ามุมมองการลงทุนในปี 2566  ให้น้ำหนัก Overweight ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีแรก คาดว่าดัชนีจะขึ้นไปถึง 1,760 จุด  ส่วนครึ่งปีหลังจะมีความเสี่ยงมากกว่า คาดกำไรของบริษัทจดทะเบียนโต 5% ค่า P/E ตลาดเฉลี่ย 17 เท่า

ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยหนุนมากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ได้แก่ 1 การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง (ซึ่งคิดเป็นประมาณ 20% ของ GDP) ผนวกกับ 5 มาตรการภาษีที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อในไตรมาส 1/2566
2 เงินสะพัดจากการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย
3. หุ้น DELTA เข้าคำนวณใน SET50 & SET100 (การเปลี่ยนแปลงของ DELTA ทุกๆ 10 บาท ทำให้ SET เปลี่ยนแปลงประมาณ 1 จุด)
4. เงินทุนมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทย เพราะสหรัฐฯมีความเสี่ยงที่จะเกิด Mild recession, เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว และgศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่ค่อยดี แต่ BOJ ส่งสัญญาณยุติการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายโดยประกาศขยายกรอบ Bond yield 10 ปีเป็น -0.5% ถึง +0.5% (จากเดิม -0.25% ถึง +0.25%) ขณะที่เศรษฐกิจไทยปี 66 สามารถเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.7-3.8%

กลยุทธ์การลงทุนปี 2566 แนะนำ 4 ธีมเด่น ดังนี้ 1. การท่องเที่ยวฟื้นตัว 2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเลือกตั้งส่งผลให้เงินสะพัด 3. กลุ่มยานยนต์ EV และ 4. หุ้นปันผล & Value play

หุ้นแนะนำซื้อสะสมเพื่อลงทุน โดยเฉพาะจังหวะราคาอ่อนตัว 1. ธีมท่องเที่ยว AOT, BDMS, และ ERW  2. ธีมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ & เงินสะพัดจากหาเสียงเลือกตั้ง CPALL และ CPN 3. ธีมยานยนต์ไฟฟ้า BGRIM  4. ธีม Value Play  BBL, KBANK และ ADVANC  5. ธีมปันผลสูง LH

ความเสี่ยงหลัก คือ เศรษฐกิจโลกชะลอตัวมาก ทำให้ส่งออกเติบโตน้อยกว่าคาด, การท่องเที่ยวฟื้นช้ากว่าคาด, ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำลังซื้ออ่อนแอ

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ แนะนำหุ้นเด่น AOT (ราคาเป้าหมาย 84 บาท), CPN (ราคาเป้าหมาย 78 บาท), BTS (ราคาเป้าหมาย 10 บาท), BJC (ราคาเป้าหมาย 40.75 บาท), WHA (ราคาเป้าหมาย 4.57 บาท), LH (ราคาเป้าหมาย 11.20 บาท), ADVANC (ราคาเป้าหมาย 240 บาท), EKH (ราคาเป้าหมาย 10 บาท), STEC (ราคาเป้าหมาย 16.60 บาท), WHART (ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท)

#บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส #AOT #BDMS #ERW #CPALL #CPN #BGRIM #BBL #KBANK #ADVANC #LH #BTS #BJC #WHA #EKH #STEC #WHART