ESSO ร่วง 13.96% สวน BCP พุ่ง 7.09% ดีลเทคฯ”เอสโซ่ฯ”ราคาถูก

HoonSmart.com>>หุ้น ESSO ร่วง 13.96% สวนทาง BCP พุ่ง 7.09% หลัง”บางจาก คอร์ปอเรชั่น-BCP”ปิดดีล เทคโอเวอร์ เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO คาดใช้เงินประมาณ 33,312 ล้านบาท โดยซื้อหุ้นโดยตรง 65.99% และเทนเดอร์ออฟเฟอร์  หากผู้ถือหุ้นขายให้ทั้งหมดคาดใช้เงิน 33,312 ล้านบาท หากใช้ข้อมูลณ 30 มิ.ย.65 ราคาซื้อหุ้นจะอยู่ที่ 9.63 บาท และ 30 ก.ย. อยู่ที่ 11.10 บาท มีมูลค่าหุ้นทางบัญชี 8.31 บาท ด้านโบรกฯมองราคาซื้อขายหุ้น “เอสโซ่” ให้”บางจากฯ” อยู่ในกรอบ 8.80-9.63 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ถูก ราคาหุ้น ESSO จึงลงมาตอบรับ ขณะที่ BCP ก็ขึ้นไป ส่วน PRM ได้อานิสงส์จากดีลนี้ไปด้วย ส่งราคาหุ้น PRM ทรงตัวได้ดีบวก 1.32%

เมื่อเวลา 10.24 น.หุ้น ESSO ร่วง 13.96% มาที่ 9.55 บาท ลดลง 1.55 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,359.71 ล้านบาท
ขณะที่หุ้น BCP พุ่ง 7.09% มาที่ 34.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 588.25 ล้านบาท
ส่วนหุ้น PRM บวก 1.32% มาที่ 7.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 115.05 บาท

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ(บอร์ด) มีมติอนุมัติในเรื่องสำคัญ เห็นชอบให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมติให้เข้าซื้อบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO จำนวน 2,283.75 ล้านหุ้น คิดเป็น 65.99% ของทุนทั้งหมด จากบริษัท ExxonMobil Asia Holdings Pte.Ltd. ทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 นอกจากนี้ ให้ทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด(เทนเดอร์ออฟเฟอร์) จำนวน 1,177,108,000 หุ้น หรือ 34.01%  คาดว่าจะสามารถซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้น ได้ภายในครึ่งหลังของปี 2566 โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนด

“เอสโซ่มีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และมีกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้น บนสมมติฐานว่าผู้ถือหุ้นทุกรายตอบรับคำเสนอซื้อหุ้น บริษัทฯจะได้หุ้นทั้งหมด 100% จำนวน 3,460,858,000 หุ้น คิดเป็นเงินประมาณ 33,312 ล้านบาท หรือ 9.63 บาทต่อหุ้น คำนวณราคาซื้อขายโดยอ้างอิงงบการเงิน ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2565 หรือ 30,608 ล้านบาท หรือ 8.84 บาทต่อหุ้น ณ วันที่ 30 ก.ย. 2565 โดยราคาสุดท้ายจะมีการปรับตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ บริษัทมีเงินสดในมือกว่า 3 หมื่นล้านบาท ”

อย่างไรก็ตามกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้น  เนื่องจากอุตสาหกรรมที่เอสโซ่ดำเนินธุรกิจในปัจจุบันมีความผันผวนของความต้องการเงินทุนหมุนเวียนสูง และเมื่อคำนึงถึงระยะเวลาวันที่ลงนามในสัญญาซื้อขายและวันที่คาดว่าธุรกรรมการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จ จึงมีการกำหนดกลไกการปรับราคาอีกครั้ง

สำหรับแหล่งเงินทุน บางจากฯ จะใช้เงินทุนทั้งแหล่งภายนอกจากสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และจากกระแสเงินสดภายในบริษัทและเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นจาก ExxonMobil เสร็จสิ้น สำหรับ ExxonMobil จะยังคงดำเนินธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทยต่อไป

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น ESSO ปรับตัวลงเช้านี้มาตอบรับราคาซื้อขายหุ้น ESSO ให้กับ BCP ซึ่งอยู่ในช่วงราคา 8.80-9.63 บาท ซึ่งหากมองราคาสูงสุดที่ 9.60 บาท ก็ถือว่าเป็นราคาที่ BCP ซื้อได้ในราคาถูก ส่งผลให้ BCP ปรับตัวขึ้นไปสวนทางหุ้น ESSO

ส่วน PRM ได้ประโยชน์จากดีลนี้ เนื่องจาก BCP ก็มีการทำธุรกรรมกับ PRM เกี่ยวกับการขนส่งน้ำมัน ทำให้ราคาหุ้นทรงตัวได้ดี และผลงานไตรมาส 4/65 ของ PRM ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีมุมมองบวกต่อดีลนี้ โดยประเด็นสำคัญคือราคาซื้อขายหุ้นที่ต่ำกว่ากระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ 12-14 บาท และต่ำกว่าราคาตลาดที่ 11.1 บาท ทำให้ใช้เม็ดเงินที่ซื้อเพียง 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะไม่กระทบต่อฐานะการเงินของ BCP ซึ่งปัจจุบันก็มี Net IBD/E ไม่สูง 0.65x อยู่แล้ว นอกจากนั้น ยังช่วยเพิ่มกำลังการกลั่นกว่า 140% โดย ESSO มีกำลังการกลั่น 174 พันบาร์เรล/วัน สูงกว่า BCP ที่ 123 พันบาร์เรล/วัน โดย BCP คาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่า 2 เท่า และพัฒนาทางด้านการเติบโตของธุรกิจและการทำกำไร ทั้งนี้ ด้วยราคาซื้อขายต่ำราคาตลาดของ ESSO ก็อาจจะทำให้ BCP ไม่ต้องใช้เงินทุนเพิ่มเติมเพื่อซื้อหุ้น ESSO ส่วนที่เหลือ แนะนำ”ซื้อ”

บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ”ซื้อ”หุ้น PRM ราคาเป้าหมาย 9.60 บาท โมเมนตัมกำไรปกติไตรมาส 4/65 คาดยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง เพราะเรือ VLCC ลำที่ 3 ทำงานเต็มไตรมาส รวมถึงการ Reopening หนุนปริมาณขนส่งน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ดี นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์จากบาทแข็งที่คาดจะมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมคาดกำไรปกติปี 65-66 +46% Y-Y และ +14% Y-Y ตามลำดับ ราคาหุ้นปัจจุบันยังเทรด 2566PER เพียง 12 เท่า ต่ำกว่าในอดีตก่อนโควิด-19 ที่ราว 20 เท่า