HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 3.40 จุด เก็งเงินเฟ้อสหรัฐชะลอลง ประกาศคืนนี้ นำสู่คาดหวังดอกเบี้ยเฟดไม่เร่งตัวขึ้น ส่งบอนด์ยีลด์ลงต่อเนื่อง เป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง และแนวโน้มราคาพลังงานลงต่อ
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 12 ม.ค.2566 ณ เวลา 10.01 น. อยู่ที่ระดับ 1,689.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.40 จุด หรือ +0.20% มูลค่าซื้อขาย 4,070.08 ล้านบาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน มองตลาดหุ้นเคลื่อนไหว Sideway ถึง Sideway Up” แนวต้าน 1,695-1,703จุด แนวรับ 1,677-1,672จุด สินทรัพย์เสี่ยงโลกยังเคลื่อนไหวเชิงบวก เก็งรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ธ.ค. 65 ชะลอลง นำมาสู่ความคาดหวังดอกเบี้ยนโยบายปลายทางไม่เร่งตัว และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( Bond Yield) สหรัฐ ผ่านจุดพีค ถ่วง Dollar Index อ่อนค่า หนุนเงินบาทแข็งค่า
ประกอบกับแนวโน้มราคาพลังงานลงต่อ โดยเฉพาะก๊าซยุโรป, ถ่านหิน ปรับลง -5% ถึง-6% หลังมีรายงานรัสเซียมีรายได้จากการขายพลังงานลดลงตั้งแต่ ธ.ค. 22 ทำให้เงินทุนลดลง อาจบ่งชี้ถึงโอกาสความตึงเครียดกับยูเครนเริ่มผ่อนคลายในระยะถัดไป มีลุ้นความขัดแย้งปลายทาง เปิด Upside เศรษฐกิจโลกในระยะกลาง ประเมินกลุ่มโรงไฟฟ้า, High Growth และเช่าซื้อนำตลาด วันนี้แนะนำ GPSC, GULF, SCGP
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มอง SET Index จะฟื้นตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุด เดิมบริเวณ 1,695+- จุด จาก Sentiment บวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ฟื้นตัวดี โดยได้อานิสงส์จากความคาดหวังเชิงบวกต่อตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ที่จะประกาศคืนนี้ว่าจะออกมาอ่อนตัวลง และหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเหลือ 0.25% ในการประชุมเดือน ก.พ. ซึ่งจะทำให้แนวโน้มและโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยในระยะถัดไปจะลดลงหรือไม่รุนแรงมากเท่าที่ประเมินก่อนหน้า ส่งผลให้ Bond Yield ทยอยปรับลงอย่างต่อเนื่องและเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
หุ้น Growth และ Tech ที่เคยเทรด PER สูงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มกลับมา Outperform วันนี้ ในทางกลับกันด้วยดัชนีที่ปรับตัวขึ้นรับความคาดหวังเชิงบวกไปมาก หากเงินเฟ้อออกสูงกว่าคาด มีโอกาสที่ตลาดจะเผชิญแรงขายอย่างหนาแน่นเช่นกัน ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสยังอยู่ที่การเมืองเนื่องจากเข้าใกล้การเลือกตั้งทั่วไปมากขึ้นและมีโอกาสเกิดการยุบสภาก่อน ส่วนภาพเศรษฐกิจยังมองบวกในฝั่งการบริโภคและการท่องเที่ยว ระยะกลาง-ยาวยังชอบกลุ่ม Domestic/Reopening Play โดยมองจังหวะพักฐานเป็นโอกาสทยอยสะสม
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK อยู่ที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.65% มูลค่าซื้อขาย 515.59 ล้านบาท
ESSO อยู่ที่ 9.45 บาท ลดลง 1.65 บาท หรือ -14.86% มูลค่าซื้อขาย 459.98 ล้านบาท
BANPU อยู่ที่ 12.20 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -1.61% มูลค่าซื้อขาย 369.34 ล้านบาท
BCP อยู่ที่ 34.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ +7.09% มูลค่าซื้อขาย 292.62 ล้านบาท
DELTA อยู่ที่ 858.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท หรือ +0.94% มูลค่าซื้อขาย 196.88 ล้านบาท