บล.เครดิตสวิสขยับเป้า 5 แบงก์ BBL 195 บ.-KTB 22 บ. เพิ่มกว่า 20%

HoonSmart.com>> บล.เครดิตสวิสเพิ่มราคาเป้าหมาย”กรุงไทย”มากที่สุด 25.71% อยู่ที่ 22 บาท ธนาคารกรุงเทพเพิ่มขึ้น 21.88% เป็น 195 บาท ธนาคารทหารไทยธนชาต เพิ่มขึ้น 10.34% เป็น 1.60 บาท แต่ลดมูลค่าธนาคารกสิกรไทยลง 2.56% เหลือ 190 บาท นักลงเทขายแบงก์ทำกำไร ผสมแรงทิ้งหุ้นเดลต้าฯ หนักหน่วง 11% ฉุดให้ดัชนีหุ้นปิดลบ 9.39 จุด สวนทางตลาดภูมิภาค ค่าเงินบาทแข็งดึงดูดต่างชาติซื้อหุ้นไทย-ตราสารหนี้รวม 11,021 ล้านบาท  กลุ่มท่องเที่ยว-ค้าปลีกเด่น รอรับนักท่องเที่ยวจีน 

บล.เครดิตสวิสปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง นำโดยธนาคารกรุงไทย (KTB) มูลค่า 22 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท คิดเป็น 25.71% จากเดิมคาดไว้ 17.50 บาท ธนาคารกรุงเทพ (BBL) มูลค่า 195 บาท เพิ่มขึ้น 35 บาท หรือ 21.88% จากเดิมให้ไว้ 160 บาท ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เป็น 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 10.34% จากเดิมคาดที่ 1.45 บาท บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เป็น 150 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาทหรือ 2.74%จาก จากเดิมมูลค่า 146 บาท บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO)เพิ่มขึ้น 3.96% เป็น 105 บาท จากเดิมให้มูลค่า 101 บาท

อย่างไรก็ตาม ปรับลดราคาเป้าหมายของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ลง 2.56% เหลือเพียง 190 บาท จากเป้าหมายเดิม 195 บาท

นักลงทุนหันมาสนใจหุ้นแบงก์มากขึ้นหลังปรับขึ้นดอกเบี้ยและคาดการณ์กำไรไตรมาสที่ 4/2565 จะเติบโตดี สามารถจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น  ล่าสุดวันที่ 5 ม.ค.2566 ในช่วงเช้าราคายังคงขยับขึ้นถ้วนหน้า  แต่ในช่วงบ่ายกลับขายทำกำไร ผสมแรงทิ้งหุ้น DELTA ซ้ำเติมตลาดร่วงลงไปมากกว่า 10 จุด สุดท้ายดัชนีปิดที่ระดับ 1,663.86 จุด ลดลง 9.39 จุด หรือ -0.56% มูลค่าซื้อขาย 85,208.62 ล้านบาท ขณะที่หุ้น DELTA ปิดที่ 806 บาท ร่วง 106 บาทหรือ -11.625 มูลค่าการซื้อขายมากกว่า 4,494 ล้านบาท

ด้านนักลงทุนต่างประเทศยังคงซื้อหุ้นสุทธิ 1,277.71 ล้านบาท รวมถึงซื้อตราสารหนี้ 9,743 ล้านบาท ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง ปิด 33.93/97 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อเนื่อง
สำหรับสถาบันไทยขายหุ้นสุทธิ 1,721.38 ล้านบาท และกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อตราสารหนี้ 17,564 ล้านบาท

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงสวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวในแดนบวกกันเป็นส่วนใหญ่  เจอแรงถ่วงจากหุ้น DELTA ที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ จึงมีผลต่อดัชนีฯมาก หากตัดหุ้น DELTA ออกไป ตลาดก็บวกได้เล็กน้อย ดังนั้นหุ้น DELTA ทำให้ดัชนีบิดเบี้ยวไป

ทั้งนี้ ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากจีนจะเปิดประเทศ เป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ เพียงแต่หุ้นในกลุ่มพลังงานยังถ่วงตลาด และตลาดฯก็มีน้ำหนักจากกลุ่มพลังงานมากเช่นกัน อย่างไรก็ดี ให้ระวังเงินบาทแข็งค่าเร็ว อาจทำให้ Valuation ไม่จูงใจ และทำให้เงินทุนไหลเข้าชะลอตัวได้ อีกทั้งเริ่มขายกอง LTF ได้แล้ว ดังนั้นช่วงนี้จะต้องจับตาทิศทางเงินไหลเข้าและแรงขายจาก LTF จะมีมาก/น้อยแค่ไหน รวมถึงรอติดตามงบฯกลุ่มธนาคารด้วย

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ (6 ม.ค.) ตลาดยังอยู่ในทิศทางปรับฐาน โดยมีแนวรับ 1,654-1,640 จุด แนวต้าน 1,672-1,680 จุด