HoonSmart.com>>รายใหญ่มองหุ้นไทยบวกต่อปี 66 “เสี่ยป๋อง”เซียนเทคนิค คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,800 จุด ต้นปีต้องทะลุ 1,650 เพื่อไปต่อ 1,680 หากผ่าน 1,720 ได้จะขึ้นไปทดสอบ 1,800 จุด หุ้นเด่น ชูท่องเที่ยว-ค้าปลีก-ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง-บิ๊กแคปในกลุ่ม SET50 ด้าน “เสี่ยปู่”มองหุ้นดีครึ่งปีหลัง เน้นเติบโตสูง ชอบอสังหาฯราคาถูก มีเงินปันผล ลงทุนหุ้นเดิม ๆ PLUS-PRI-ORI ห่วงเก็บภาษีขายหุ้น อาจจะกระทบสภาพคล่องตลาด กลยุทธ์ลดการเล่นเก็งกำไร หันไปถือหุ้นยาวขึ้น หวังภาครัฐอาจต้องทบทวนการเก็บภาษีหุ้นอีกครั้ง
นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ”เสี่ยป๋อง” นักลงทุนรายใหญ่ มีมุมมองบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในครึ่งแรกปี 2566 ซึ่งน่าจะมี rally จากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ค. แต่ละพรรคการเมืองจะหาเสียง-มีการออกนโยบายดี ๆ มากระตุ้นบรรยากาศการลงทุน จึงมองบวกปัจจัยในประเทศ ไทยไม่มีอะไรแย่ แต่จะดีแค่ไหนอยู่ที่รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรออกมากระตุ้น มองเบื้องต้นนักท่องเที่ยวเข้ามา ทำให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมอาจจะดี, ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ขายของได้ แต่ก็ต้องดูปัจจัยต่างประเทศด้วย เช่น การแพร่ระบาดไวรัสโควิดและจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่
“ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นขึ้น เรื่องจีนเปิดประเทศ คนเล่นกันคึกคัก แต่ผมเพิ่งมาซื้อหุ้น เพราะไม่มีหุ้นพวกนี้เลย จีนยกเลิกกักตัวตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 หุ้น AOT, MINT, CENTEL กลับมากันหมดแล้ว Fund Flow เข้ามาแน่ ๆ ต้นปีมองตามหลักการแล้ว ตลาดน่าจะดี มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,600-1,800 จุด อย่างดี 1,700-1,800 จุด กำไรต่อหุ้นหรือ EPS ของตลาดค าด 100 บาท ผมสายเทคนิคมองต้นปี ดัชนีทะลุ 1,650 ได้มองเป็นบวก แต่ลุ้น 1,680 จะทะลุได้หรือเปล่า ถ้าได้ไปต่อ 1,700-1,720 หากทะลุด่าน 1,720 ได้ก็จะขึ้นไปทดสอบ 1,800 จุดได้ อาชีพผมปรับตัวอยู่ให้ได้ อยู่มา 30 ปีแล้ว มีอุปสรรคบ้างก็ค่อย ๆ แก้กันไป”
หุ้นเด่นในครึ่งแรกปี 2566 เป็นหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเลือกตั้ง, หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง เปิดประเทศ เช่น กลุ่มค้าปลีก รวมถึงมองหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่ม SET50 ที่น่าสนใจลงทุน
สำหรับผลงานปี 2565 ที่ผ่านมา การลงทุนเสมอตัว เอาจริง ๆ ฝากแบงก์ดีกว่า ไม่เครียด เฉลี่ยกำไรไม่เป็นอย่างที่คิด ปี 2566 หาทางใหม่ ลองดู ทุกอย่างอยู่ที่เศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดีก็ไปต่อได้ น้อง ๆ (นักลงทุน) วัยรุ่น เด็ก ๆ เก่งขึ้นเยอะ ดูกราฟเป็นกันหมด การโยกหุ้นเล่นกันเร็วมาก อีกทั้งยังมี Robot ด้วย”เสี่ยป๋องกล่าว
ทั้งนี้ในปี 2565 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) ปิดที่ 1,668.66 จุด เพิ่มขึ้น 11.04 จุด คิดเป็น 0.67% เทียบกับสิ้นปี 2564 ปิดที่ระดับ 1,657.62 จุด มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 20,440,931.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 4.38% เทียบกับปี 2564 อยู่ที่ 19,583,094.79 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิมากถึง 202,694.36 ล้านบาท
ส่วนการเก็บภาษีขายหุ้น คงจะต้องรอดูผลก่อน แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่สำคัญจะต้องทำกำไรให้ได้ก่อน ไม่ค้านการเก็บภาษี ยอม ทำได้ทุกอย่าง อะไรก็ได้ได้หมด กำไรเหมือนเดิมก็เทรดเหมือนเดิม ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน
นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล “เสี่ยปู่” นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นในปี 2566 น่าจะดี เนื่องจากผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโต ซึ่งน่าจะเลือกลงทุนหุ้นที่มีการเติบโตสูง ชอบหุ้นบริษัท โรแยล พลัส (PLUS) คาดว่าจะมีการเติบโตสูง โดยยอดขายปี 2565 คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 100% และปี 2566 ก็น่าจะเติบโตได้ 30% บวก/ลบ สำหรับหุ้นเปิดเมือง เปิดประเทศก็มีความน่าสนใจ จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากขึ้น ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น แต่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วเหมือนกัน โดยยังคงยึดการลงทุนหุ้นตัวเดิม อย่างหุ้น บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI), บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เป็นต้น ซึ่งชอบการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะราคาหุ้นต่ำ และให้อัตราผลตอบแทนปันผลดี
เสี่ยปู่ กล่าวว่า การเริ่มเก็บภาษีขายหุ้นในปี 2566 อาจจะกระทบสภาพคล่องตลาดอยู่มาก เพราะทำให้ต้นทุนในการลงทุนสูงขึ้น นักลงทุนต่างชาติอาจลดการเทรดลงมาก และคงจะลดการเล่นเก็งกำไรให้น้อยลง หันไปถือหุ้นให้ยาวขึ้น จะเลือกหุ้นที่เติบโตดี ปันผลดีด้วยยิ่งดีใหญ่ ซึ่งการเก็บภาษีหุ้นมองเป็นผลเสียมากกว่าได้ สุดท้ายทางการอาจจะต้องทบทวนการเก็บภาษีหุ้นใหม่
“ในปี 2566 สหรัฐ และยุโรปมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้คนไม่ค่อยกล้าลงทุน ถ้าหุ้นขึ้นไปแรง และการเก็บภาษีขายหุ้นก็ทำให้กระทบสภาพคล่องมากด้วย นักลงทุนคงจะลดการเล่นเก็งกำไรให้น้อยลง และหันถือหุ้นให้ยาวขึ้น แต่ครึ่งปีหลังทิศทางตลาดน่าจะดีขึ้นได้”นายสมพงษ์กล่าว