‘ท่องเที่ยว’ ติดเครื่องวิ่งแทน ‘ส่งออก’ หุ้นพุ่งฉิว ลุ้นจีนเปิดปท.ก่อนกลางปี’66

HoonSmart.com>>เซอร์ไพรส์! จีนยกเลิกกักตัวเร็วเกินคาด เริ่ม 8 ม.ค.นี้ เพิ่มความหวังเปิดประเทศเต็มรูปแบบก่อนกลางปี 66  ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดยกแรกนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากกว่า 1 ล้านคน พุ่งขึ้น 3-4 เท่าตัวจากปีนี้  แห่ไล่ซื้อหุ้น Reopening -ปิโตรเคมีขึ้นแรง รวมถึงการทำ Window Dressing  หนุนดัชนีหุ้นปิดบวก 16 จุด หรือ 1.01%  ต่างชาติลุยซื้อกว่า 4,000 ล้านบาท ไม่ตกใจมูลค่าส่งออกพ.ย.หดตัว 6% มากกว่าคาด 

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า จีนประกาศผ่อนคลายเกณฑ์การเดินทางเข้าประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 ซึ่งเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาด และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้เป็นปกติภายในครึ่งแรกปี 2566 เป็นสัญญาณบวกต่อการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย แต่การกลับสู่ระดับก่อนโควิดที่มีจำนวนมากกว่า 10 ล้านคน หรือเฉลี่ยมากกว่า 9 แสนคนต่อเดือน ยังต้องใช้เวลา จึงยังมีมุมมองที่ระมัดระวัง คาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปี 2566 มีโอกาสจะมากกว่า 1 ล้านคน หรือเพิ่มกว่า 3-4 เท่าตัวจากปี 2565

ขณะเดียวกันยังคงคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 20-24 ล้านคน เพิ่มเป็นเท่าตัวจากกว่า 11 ล้านคนในปี 2565 ภายใต้มุมมองที่ระมัดระวังต่อการทยอยเพิ่มขึ้นของตลาดนักท่องเที่ยวจีน และการฟื้นตัวดีขึ้นของตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกท่ามกลางทิศทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 2 ของชาวจีน รองจากญี่ปุ่น

ส่วนการท่องเที่ยวภายในประเทศ  นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 5 ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนนตรี (ครม.) ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังอยู่ระหว่างหารือในรายละเอียดกับสำนักงานงบประมาณ  คาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า (3 ม.ค. 2566)

ด้านการส่งออกเดือนพ.ย.ติดลบ 6.0%(YoY) หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2  ส่งผลให้ 11 เดือนเติบโตที่ 7.6%(YoY) บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองคาดว่าทั้งปีจะเป็นบวกทำสถิติมูลค่าการส่งออกสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ได้แรงส่งจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เร่งตัวสูงในช่วงครึ่งปีแรก แต่ในช่วงครึ่งปีหลังชะลอตัวอย่างชัดเจน และน่าจะเป็นภาพต่อเนื่องในปีถัดไป

“การส่งออกปี 2566 อาจหดตัวที่ 1.5% มีมูลค่าลดลงมาอยู่ที่ 2.82 แสนล้านดอลลาร์ฯ จากฐานในปี 2565 ที่สูงอย่างมาก รวมถึงการอ่อนแรงของเศรษฐกิจโลกชัด ยิ่งบั่นทอนกำลังซื้อของคู่ค้าและผลด้านราคาที่ลดลง โดยมีแรงฉุดจากสินค้าที่เสี่ยงหดตัว ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เครื่องประดับและยานยนต์ สินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่สินค้าจำเป็นแม้ยังมีทิศทางสดใสแต่มีข้อจำกัดในการเติบโต อาทิ สินค้าอาหารที่มีมูลค่าการส่งออกไม่มาก และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตอย่างจำกัด จึงไม่เพียงพอขับเคลื่อนการส่งออกในภาพรวม”บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และ รมว.คลัง โดยกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% เป็นเป้าหมายของนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง

กรณีจีนยกเลิกกักตัวเริ่มวันที่  8 ม.ค. 2566 บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่าจีนผ่อนคลายมาตรการเร็วกว่าที่ตลาดคาด และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ ได้แก่ AAV,AU,EKH,SPA,M,NOBLE,CPN,CPALL,SISB,TKN,BEAUTY,KAMARTและ PLAT

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) คาดจีนมีโอกาสเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบได้เร็วในครึ่งปีแรก ซึ่งจะเป็น upside กับตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคน จากเดิมที่คาดไว้ที่ 2 ล้านคน และจะเป็น upside ต่อประมาณการกำไรของกลุ่มท่องเที่ยว

หุ้น Toppicks  ได้แก่ CENTEL(ซื้อ/เป้า 54.00 บาท), AAV (ซื้อ/เป้า 3.70 บาท), BAFS (ซื้อ/เป้า 35.00 บาท), AOT (ซื้อ/เป้า 82.00 บาท), ERW (ซื้อ/เป้า 5.20 บาท), SPA (Bloomberg consensus 11.82 บาท), EKH (ถือ/เป้า 8.50 บาท), SNNP (ซื้อ/เป้า 30.00 บาท) และ WHA (ซื้อ/เป้า 4.60 บาท)

บล.ทรีนีตี้มองการยกเลิกกักตัวดังกล่าวจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินโดยรวม เป็นการส่งสัญญาณที่ดีที่จีนอาจอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศเร็วขึ้น  เลือก MINT เป็น Top Pick เนื่องจากมีธุรกิจร้านอาหารในจีน มีสัดส่วนรายได้ 17% ของรายได้กลุ่มร้านอาหาร (สัดส่วนรายได้กลุ่มร้านอาหารอยู่ที่ 20% ของรายได้รวม)

วันที่ 27 ธ.ค.2565 ตลาดหุ้นภูมิภาคมีทั้งบวกและลบ โดยตลาดหุ้นไทยขึ้นโดดเด่น ดัชนีปิดที่ระดับ 1,643.16 จุด เพิ่มขึ้น 16.36 จุด หรือ +1.01% มูลค่าซื้อขาย 53,259.98 ล้านบาท  แรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศถึง 4,459.60 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 694.52 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขายสุทธิ 5,109.97 ล้านบาท นำโดยหุ้น Reopening และพลังงาน โดยเฉพาะปิโตรเคมี เช่น PTTGC และ SCC

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า หุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับขึ้นกัน เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายน่าก็เคลื่อนไหวในแดนบวก เหมือนดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ตอบรับการเปิดประเทศของจีนจากที่มีการยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้เข้าประเทศจีน ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก ต่างปรับตัวขึ้นกัน โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับจีน  ทั้งที่ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุนลดหย่อนภาษีด้วย อย่าง SSF, RMF รวมถึงการลุ้นทำ Window Dressing อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการปิดสัญญาอนุพันธ์ในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.) ซึ่งนักลงทุนต่างชาติได้เปิด Short ไว้ 130,000 กว่าสัญญา และจะหมดอายุพรุ่งนี้ ทำให้อาจมีแรงขายหุ้นออกมาก็ได้

สำหรับตัวเลขส่งออกของไทยออกมาติดลบ 6% ก็เป็นไปตามที่คาดไว้ จีงไม่มีผลต่อตลาด และเงินบาทก็ไม่ได้อ่อนค่าด้วย อาจเป็นเพราะดุลบัญชีเดินสะพัดอาจจะเป็นบวก จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.) ตลาดคงจะเคลื่อนไหว Sideway up ไปได้ไม่ไกล โดยแนวรับ 1,630 จุด แนวต้าน 1,650-1,660 จุด