HoonSmart.com>>”โทเคไนน์” หรือ Tokenine ผู้ให้บริการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน เปิดตัวเครือข่ายบล็อกเชน J2O TARO เป็นบล็อกเชนเครือข่ายรอง (Layer 2) เป็นรายแรกบน JFIN Chain ชูจุดเด่นความเร็วสูง รองรับธุรกรรมได้มากสุดถึง 20,000 รายการต่อวินาที รับดีมานด์ตลาดบล็อกเชนในภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มมาแรงในปี 66
นายโดม เจริญยศ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคไนน์ จำกัด (Tokenine) บริษัทฟินเทคสัญชาติไทย ผู้ให้บริการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวเครือข่ายบล็อกเชน J2O TARO เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. โดย J2O TARO เป็นบล็อกเชนลำดับชั้นที่สอง (Layer 2 หรือ Execution Layer) ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาการปรับขนาดของบล็อกเชนในแบบเดิม ที่ต้องใช้เวลานานในการประมวลผลธุรกรรม ซึ่งอาจไม่รองรับกับกรณีการใช้งานในหลายธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็วสูง
J2O TARO คือแพลตฟอร์มบล็อกเชนลำดับชั้นที่สอง (Layer 2) โปรเจกต์แรกบน JFIN Chain ถูกพัฒนาขึ้นโดย บริษัท โทเคไนน์ จำกัด (Tokenine) มีจุดเด่นในเรื่องความรวดเร็วในการประมวลผลธุรกรรม ซึ่งจากผลการทดสอบระบบเครือข่าย (Load Testing) ยืนยันแล้วว่า J2O TARO สามารถรองรับการโอนเหรียญได้สูงสุดถึง 20,000 ครั้ง ภายในเวลาเพียง 1 วินาที
ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว J2O TARO จึงเหมาะกับการใช้งานในแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้บล็อกเชน (Blockchain) เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลังบ้าน ที่เน้นความรวดเร็วเป็นพิเศษ เช่น ระบบการลงคะแนนเสียง ระบบเกม ระบบการแจกเหรียญ ฯลฯ โดยผู้ใช้งานเพียงใช้เหรียญ JFIN มาแลกเป็นเหรียญ TARO เพื่อเป็นค่าธรรมเนียม (Gas) ได้ทันที
J2O TARO ถือเป็นเครือข่ายบล็อกเชนลำดับชั้นที่สอง โปรเจกต์แรกบน JFIN Chain ทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่าย J2O TARO จะถูกม้วนรวบเป็นก้อนเดียวก่อนจะบันทึกลงใน JFIN Chain (ซึ่งเป็น Layer 1 หรือ Consensus Layer) ลักษณะการทำงานดังกล่าว บริษัทใช้เทคโนโลยี Optimistic Rollups เวอร์ชัน 2 (V2) ที่ชื่อ Bedrock ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Rollups ล่าสุด ที่ถูกที่สุด เร็วที่สุด และล้ำหน้ามากที่สุดในตอนนี้ ที่นักพัฒนาทั่วโลกส่วนใหญ่ให้การยอมรับ
Optimistic Rollups เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจากบล็อกเชนอีเทอเรียม (Ethereum) โดยข้อมูลธุรกรรมจะยังไม่ถูกยืนยันความถูกต้องบน Execution Layer แต่จะทำการม้วนหลายๆ ธุรกรรมและบีบอัดข้อมูลให้เหลือชุดเดียว (Rollup) ก่อนจะส่งต่อไปบันทึกลงในบล็อกเชนเครือข่ายหลักหรือ Consensus Layer เพื่อเข้าสู่กระบวนการทำฉันทามติ (Consensus) หรือการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลก่อนบันทึกลงในบล็อกเชนด้วยกลไกที่ต่างกันไป เช่น แบบ Proof-of-Work (PoW) หรือแบบ Proof-of-Stake (PoS) เป็นต้น
จากรูปแบบการทำงานของบล็อกเชน Layer 2 ที่จะไม่มีกระบวนการ Consensus เหมือนกับ Layer 1 จึงช่วยประหยัดเวลาในการกำหนดข้อตกลงและความเห็นชอบร่วมกันระหว่างสมาชิกในเครือข่าย กระบวนการดำเนินธุรกรรมจึงเกิดขึ้นทันทีเพราะไม่ต้องรอ Consensus ทั้งนี้ จากการทดสอบระบบ (Load Testing) ของ J2O TARO พบว่าสามารถโอนเหรียญ Native ได้สูงสุด 20,000 ครั้งต่อวินาที โอนเหรียญที่ใช้มาตรฐาน ERC-20 ได้ 7,500 ครั้งต่อวินาที และสร้าง NFT (Non-Fungible Token) ที่ใช้มาตรฐาน ERC-721 ได้ 7,500 ชิ้นในเวลาเพียง 1 วินาที
ด้วยความเร็วในระดับดังกล่าวนี้ J2O TARO จึงเหมาะที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับลักษณะธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็วสูง ไม่ว่าจะเป็นระบบลงคะแนนเสียง ระบบเกม หรือระบบการแลกเปลี่ยนแต้ม อย่างเช่น การทำระบบลงคะแนนเสียงสำหรับสมาชิกเพจทีวีพูลที่มีจำนวน 7.3 ล้านคน, ระบบการออก NFT เพื่อแจกจ่ายสมาชิก 1 ล้านคนโดยใช้เวลาเพียง 10 นาที หรือแม้กระทั่งการออก NFT แทนสลากกินแบ่งรัฐบาลสำหรับบางระบบที่ขายอยู่ 15 ล้านใบต่อ 1 งวด เป็นต้น
สำหรับการใช้งาน J2O TARO จะมีค่าธรรมเนียม (Gas) เป็นเหรียญ TARO ซึ่งผู้ที่มีเหรียญ JFIN อยู่แล้ว สามารถนำ JFIN มาแลกเป็นเหรียญ TARO ได้โดยโอนเหรียญ JFIN มายัง Optimism Portal หลังจากนั้นเปลี่ยนเส้นทางการเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Connect) ไปยัง J2O TARO ผู้ใช้งานก็จะได้เหรียญ TARO ไว้เป็นค่า Gas บนเครือข่ายทันที
J2O TARO ได้เปิดให้บริการ Mainnet Beta ไปเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.65 และในอนาคตจะมีแอปพลิเคชันต่างๆ ทยอยเปิดให้บริการตามมาอีกมาก เช่น เกมส์ Metapolis , Point Dex , Vfun Ticket รวมทั้งระบบที่ต้องการใช้งานบล็อกเชนที่รองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมากๆ
นอกจากนี้ J2O ยังมี API หรือซอฟต์แวร์เชื่อมต่อที่อำนวยความสะดวกให้นักพัฒนาสามารถสร้างสรรค์ Wallet ได้ด้วยการเรียกใช้งานแบบ REST API ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงโดยไม่จำเป็นต้องใช้ PKI (Public Key Infrastructure) และรูปแบบ Web 3 ตามปกติ
นายโดม กล่าวว่า ความต้องการใช้งานของเครือข่าย J2O ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต จะส่งผลดีต่อระบบนิเวศของ JFIN Chain ด้วยเนื่องจากทุกธุรกรรมจะต้องถูกนำไปบันทึกใน JFIN Chain ซึ่งเป็น Consensus Layer และจะมีค่า Gas เป็นเหรียญประจำเครือข่ายอย่าง JFIN นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้งานเครือข่าย J2O ซึ่งจะมีค่า Gas เป็นเหรียญประจำเครือข่ายอย่าง TARO หากผู้ใช้งานมี JFIN อยู่แล้วก็สามารถแลกเป็นเหรียญ TARO ได้ทันที
“J2O ใช้ JFIN CHAIN เป็นบล็อกเชน Layer 1 หมายความว่า ยิ่งมีการใช้งาน J2O TARO มากก็จะต้องมีการม้วนข้อมูลกลับไปบันทึกที่ JFIN CHAIN มากขึ้น ซึ่งยังไม่ได้นับรวม Layer 2 อื่นๆ ที่จะตามมาอีกในอนาคต ก็จะยิ่งเพิ่มความต้องการใช้งานเหรียญ JFIN ที่ต้องนำมาเป็นค่า Gas นั่นเอง” นายโดม ระบุ
ผู้ก่อตั้ง Tokenine กล่าวถึงมุมมองต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในปี 66 ว่า สถานการณ์อาจจะยังไม่ดีขึ้นมากนักจากปีนี้ ซึ่งเป็นปกติของสภาวะตลาดหมีที่จะกินเวลาหลายปีในแต่ละรอบ ประกอบกับตลาดยังถูกซ้ำเติมอีกหลายวิกฤตตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่อยู่ในวงการนักพัฒนามายาวนาน เชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมบล็อกเชนปีหน้ามีแนวโน้มดีขึ้น และจะเริ่มเห็นการขยายการใช้งานออกนอกวงการการเงินมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากการที่บริษัทได้รับการติดต่อจากภาคธุรกิจเพื่อขอคำปรึกษา และคำแนะนำในการนำบล็อกเชนไปประยุกต์ใช้ เช่น ระบบสะสมแต้มที่สามารถใช้ข้ามกันไปมาทุกแพลตฟอร์ม , ระบบการเทรด Carbon Credit , ระบบค้าปลีกหรือตู้ Vending machine ที่ต้องการระบบ Wallet ที่มีความสะดวก ต้นทุนต่ำแต่มีความปลอดภัยสูง, ระบบโหวตให้คะแนน และรีวิวสินค้าที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เป็นต้น สำหรับแพลตฟอร์มที่สนใจจะใช้งานบล็อกเชน J2O สามารถติดต่อผ่าน FB Page : Tokenine
บริษัท โทเคไนน์ จำกัด (Tokenine) บริษัทฟินเทคสัญชาติไทย ให้บริการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนชั้นนำแบบครบวงจรที่เข้าถึงง่าย ไม่ว่าใครก็สามารถมีโทเคนเป็นของตัวเองได้ พัฒนาสัญญา SMART CONTRACT (สัญญาอัจฉริยะ) เพื่อใช้กับระบบ DApps (Decentralized Applications) และ Tokenization (การสร้างเหรียญดิจิทัล) รวมถึงพัฒนาการใช้งานเหรียญต่างๆ พัฒนาทั้งในรูปแบบ PUBLIC และ PRIVATE BLOCKCHAIN
#Tokenine #J2O TARO #JFIN Chain #Blockchain