PTTGC ลั่นปี 66 เทิร์นอะราวด์ -โรดโชว์ตปท. เพิ่มผู้ถือหุ้นหน้าใหม่

HoonSmart.com>>”คงกระพัน อินทรแจ้ง” ซีอีโอ “พีทีที โกลบอล เคมิคอล-PTTGC” ยันไม่ใช้วิธีเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน แก้ราคาต่ำบุ๊ค  เชื่อว่าผลดำเนินงานปี 66 เทิร์นอะราวด์ได้ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยง ธุรกิจใหม่ช่วยเต็มที่ allnex อีบิทดาเข้าเป้า “เอ็นวิคโค” พร้อมบุก รอใบรับรองจาก อย. โรงกลั่นเดินเครื่องเต็มกำลัง  สนใจลงทุนธุรกิจคาร์บอนต่ำ สหรัฐให้งบสนับสนุน เงินทุนพร้อม เพิ่งเซ็นสัญญาเงินกู้กับไทยพาณิชย์ส่งเสริมความยั่งยืน 15,000 ล้านบาท บริษัทลดต้นทุนลง 1 หมื่นล้านบาท เตรียมเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศ เพิ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ จากปัจจุบันมีรายย่อยจำนวนมาก

คงกระพัน อินทรแจ้ง

นาย คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯจะไม่เลือกใช้วิธีการซื้อหุ้นคืน เพื่อแก้ปัญหาราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี (P/BV เพียง 0.72 เท่า) หลังจากเคยเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนมาแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจากสาเหตุที่ราคาหุ้นลดลงในช่วงนี้เกิดจากนักลงทุนต่างประเทศไม่สนใจซื้อหุ้นปิโตรเคมี ไม่เพียงเฉพาะของ PTTGC เท่านั้น  เพราะธุรกิจมีผลการดำเนินงานตกต่ำในปี 2565 และยังได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต็อกและอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของ PTTGC  ในไตรมาสที่ 4/2565 จะดีขึ้นจากไตรมาสที่ 3  และในปี 2566 จะเทิร์นอะราวด์ได้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีความเสี่ยงสูงมากก็ตาม เนื่องจากธุรกิจที่มีอยู่ทั้งหมด 5 กลุ่มมีการเติบโต โรงกลั่นจะเดินเครื่องได้เต็มที่ จากปีนี้มีการปิดซ่อมบำรุง ขณะที่ธุรกิจใหม่ทั้งที่ลงทุนในต่างประเทศ และในประเทศจะให้ผลตอบแทนเต็มปี อาทิ การลงทุนใน allnex Holding ทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย(EBITDA)ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ที่สำคัญ EBITDA  Margin ก็ทำได้สูงเช่นเดียวกัน 13% จากที่คาด15% ปีหน้าจะดียิ่งขึ้น

ส่วนบริษัท เอ็นวิคโค (ENVICCO) ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ระดับ Food Grade กำลังการผลิต 45,000 ตันต่อปี ได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์แล้วในปีนี้ เริ่มด้วยกำลังการผลิตประมาณ 40-50% และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการของเทรนด์โลก  นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงการใหม่ๆ มองต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการหาพาร์ทเนอร์  สนใจโครงการลดคาร์บอน ปัจจุบันสหรัฐออกกฎหมายสนับสนุนทางการเงินให้ด้วย

ด้านการเงิน บริษัทเตรียมความพร้อม มีการออกหุ้นกู้ มูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่งเซ็นสัญญากับธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นเงินกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัท  มูลค่า 15,000 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ได้เตรียมเงินไว้สำหรับการลงทุนแล้ว  ขณะเดียวกันบริษัทยังคงดำเนินการลดต้นทุนการดำเนินงาน สามารถลดลงได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

” ปีหน้าเราจะมีการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในต่างประเทศ เป็นประเทศที่เคยไป อาทิที่สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสิงคโปร์ หลังจากหยุดไปนานในช่วงโควิด เพื่อเพิ่มจำนวนนักลงทุนต่างประเทศรายใหม่ จากปัจจุบันบริษัทฯมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมาก”นายคงกระพันกล่าว

‘เอ็นวิคโค’รอ อย.รับรอง ติดเครื่องลุย

นาย ณัฐนันท์ ศิริรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นวิคโค กล่าวว่า โครงการพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงเริ่มผลิตแล้ว มีกำลังการผลิต 45,000 ตันต่อปี แบ่งเป็นกำลังการผลิต rPET 30,000 ตันต่อปี และ rHPDE 15,000 ตันต่อปี  ในปีแรกจะใช้กำลังการผลิตประมาณ 50% ปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 60-70% และเพิ่มขึ้นในปีต่อๆไป บริษัทได้ให้ลูกค้าประมาณ 10 ราย ทดลองใช้แล้ว ได้รับการตอบรับที่ดีมาก  แต่ยังทำการตลาดไม่ได้มากนัก บริษัทอยู่ระหว่างการรอให้อย.ออกใบรับรอง หรือ Certificate คาดว่าจะได้รับประมาณเดือนมี.ค. 2566 เพื่อให้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มของไทย สามารถใช้ขวดรีไซเคิลของบริษัท สำหรับการส่งออกไปต่างประเทศได้ ซึ่งในยุโรปหากใช้ขวดรีไซเคิล ไม่ต้องจ่ายค่าปรับ 800 ยูโร/ตันพลาสติก

ปัจจุบันบริษัทฯต้องจ่ายสูงถึง 1 ล้านบาท สำหรับการให้สหรัฐออกใบรับรองให้ หากได้ใบรับรองจากอย.เร็ว จะเกิดประโยชน์มาก พันธมิตรคือ ALPLA มีเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย กำจัดสารระเหยออกทั้งหมด บริษัทใช้วัตถุดิบทั้งหมด 100% เป็นพลาสติกใช้แล้วในประเทศ มาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เทียบเท่าพลาสติกใหม่  ช่วยลดขยะพลาสติกได้ถึง 60,000 ตัน/ปี ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 75,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าเท่า เทียบเท่าการปลูกป่าประมาณ 78,000 ไร่หรือปลูกต้นใม้ใหญ่กว่า 8.2 ล้านตัน ลดการนำเข้าเม็ดพลาสติกจากต่างประเทศ

“เราเพิ่มมูลค่าให้กับขยะพลาสติกใช้แล้ว ซื้อวัตถุดิบขวด PET กิโลกรัมละ 13 บาท ผลิตแล้วขายได้ 50 บาท ส่วนขวดขุ่น เช่น ขวดนมสด รับซื้อ 27 บาท ผลิตได้ราคา 60 บาท แต่การผลิตมีส่วนสูญเสียระหว่างทาง  ทำให้วัตถุดิบ 1 ส่วนไม่ใช่ได้สินค้าใหม่ 1 ส่วน  จะต้องผ่านกระบวนการคัดแยกขวด ฝา และสลากออกจากกัน บริษัทมีพันธมิตรในการจัดส่งวัตถุดิบจำนวน 18 ราย จากเดิมเคยมีมากถึง 50 ราย รวมถึงการร่วมมือกับชุมชน รับซื้อราคาสูงหากมีการแกะสลากออก แต่เรื่องวัตถุดิบยังมีไม่เพียงพอและมีปัญหาเรื่องการคัดแยก การขาดแคลนเครื่องอัด เพื่อให้คุ้มค่าสำหรับการขนส่ง”

นาย ณัฐนันท์ กล่าวว่า โครงการนี้  มีการศึกษาความเป็นไปได้ คาดว่าจะใช้เวลา 9 ปี ถึงจะมีรายได้ถึงจุดคุ้มทุน แต่โชคดีโครงการเกิดในช่วงที่ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง ส่วนเม็ดพลาตกิกรีไซเคิลคุณภาพสูง ได้ราคาดีขึ้น ทำให้จุดคุ้มทุนเร็วขึ้น

นักวิเคราะห์ชี้เป้ากำไรปีหน้า 2 หมื่นล้านบาท  

นักวิเคราะห์ 16 ราย คาดการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566  จะมีกำไรสุทธิเฉลี่ย 20,306.53 ล้านบาท ให้ราคาเป้าหมายปีนี้เฉลี่ย 51.23 บาท โดยบล.บัวหลวงคาดการณ์กำไรสูงที่สุด จำนวน 28,434.17 ล้านบาท ราคาเป้าหมาย 65 บาท  บล.ฟิลลิปให้เป้าหมายกำไรต่ำสุด 9,909 ล้านบาท ขณะที่บล.CGS-CIMB ให้ราคาเป้าหมายต่ำที่สุดเพียง 39 บาท ทั้งนี้ วันที่ 16 ธ.ค. ราคาหุ้น PTTGC ปิดที่  46.75 บาท