HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,650 จุด รอข่าวดี มาตรการของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล ฟันด์โฟลว์ รวมถึงสถานการณ์โควิดในจีน ส่วนค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยให้กรอบเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.50-35.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (19-23 ธ.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,650 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ มาตรการของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์โควิดในจีน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านใหม่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ย.และจีดีพีไตรมาส 3/65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนธ.ค. ของจีน รวมถึงจีดีพีไตรมาส 3/65 ของอังกฤษ
ในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,619.01 จุด ลดลง 0.25% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 59,325.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.00% ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.78% มาปิดที่ระดับ 571.03 จุด
ตลาดหุ้นปรับตัวลงในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์ ทั้งนี้ SET Index ขยับขึ้นช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันไทยและนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับมีแรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด อย่างไรก็ดี หุ้นไทยย่อตัวลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังการประชุมเฟดเสร็จสิ้นลง แม้เฟดจะลดขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แต่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2566 ประกอบกับนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งกระตุ้นแรงขายในหุ้นทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะพลังงาน ไฟแนนซ์ และเทคโนโลยี
สำหรับค่าเงินบาทในสัปดาห์ถัดไป (19-23 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหว ที่ระดับ 34.50-35.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทผันผวนและกลับมาอ่อนค่าหลังผลประชุมเฟด แม้จะพลิกแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือนระหว่างสัปดาห์ ทั้งนี้ เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นตามทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคในช่วงก่อนการประชุมเฟดท่ามกลางแรงหนุนจากสัญญาณผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิดของทางการจีน ประกอบกับมีกระแสการคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอขนาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่คาด
นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับแรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาเผชิญแรงขายตามสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนพ.ย. อ่อนแอกว่าที่คาด สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นหลังเฟดยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2566 เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง โดยในการประชุม FOMC รอบเดือนธ.ค. นี้ มุมมองต่อดอกเบี้ยในปีหน้าจากเจ้าหน้าที่เฟดที่สะท้อนผ่าน dot plot ได้ขยับสูงขึ้นไปที่ 5.1% ซึ่งสูงกว่ามุมมองเดิมที่ 4.6% ในเดือนก.ย. นอกจากนี้เฟดก็ได้มีการปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปีหน้าขึ้นด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 ธ.ค.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนระหว่างวันที่ 13-16 ธ.ค. 2565 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,188 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยถึง 7,845 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 8,245 ล้านบาท หักตราสารหนี้ที่หมดอายุ 400 ล้านบาท)