HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่งร่วงแรงมากกว่า 1% จากความวิตกเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกจนกว่าจะถึงจุดที่เศรษฐกิจจะถดถอย หลังการจ้างงานที่ร้อนแรงเกินคาดในวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นพลังงานลดลง จากราคาน้ำมันปรับตัวลงมาก ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 5 ธ.ค. 2565 ปิดที่ 33,947.10 จุด ลดลง 482.78 จุด หรือ 1.40% จากความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะขึ้นดอกเบี้ยอีกจนกว่าจะถึงจุดที่เศรษฐกิจจะถดถอย หลังดัชนีภาคบริการขยายตัวดีว่าในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,998.84 จุด ลดลง 72.86 จุด, -1.79%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,239.94 จุด ลดลง 221.56 จุด, -1.93%
สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงาน ดัชนีภาคบริการเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 56.5 จาก 54.4 ในเดือนตุลาคมและสูงกว่า 53.1 ที่นักวิเคราะห์คาด
กระทรวงพาณิชย์รายงานคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบรายเดือนและสูงกว่า 0.7%ที่นักวิเคราะห์คาด ซึ่งเป็นเพิ่มขึ้นคิดต่อกันเป็นเดือนที่ 12
แต่เอสแอนด์พี โกลบอล รายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพฤศจิกายนลดลงสู่ระดับ 46.2 จาก 47.8 ในเดือนตุลาคม และใกล้เคียงกับตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 46.1
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นขึ้นมาที่ 3.588%
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดต่อเนื่องจากรายงานการจ้างงานที่ร้อนแรงเกินคาดในวันศุกร์ ทำให้หุ้นพลิกอย่างรวดเร็ว และอาจจะเป็นสัญญาณว่าเฟดอาจใช้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้หรือคงไว้สูงกว่านี้เป็นเวลานาน
การให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่บ่งชี้ว่าจะลดระดับการขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.75% ติดต่อกันสี่ครั้ง แต่นักลงทุนตั้งคำถามว่าเฟดจะยังคงดำเนินมาตรการตึงตัวไปอีกนานเท่าใด อัตราดอกเบี้ยจะจบลงที่ระดับสูงเพียงใด และจะคงอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน
หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ลดลงเกือบ 4% ไปที่ 77.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 2.7% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.4%
หุ้นเทสลาลดลง 6.4%จากรายงานว่าลดการผลิตที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ ส่วนหุ้นแอมะซอนลดลง 3.3% หุ้น Netflix ลดลง 2.4%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) การขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ นำโดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ลดลง 1.5% แม้จีนผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดบางด้านในบางเมือง นักลงทุนวิตกเศรษฐกิจถดถอยหลังข้อมูลบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนลดลง
S&P Global’s รายงานดัชนี PMIรวมขั้นสุดท้ายยูโรโซนเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นมาที่ 47.8 จาก 47.3 ในเดือนตุลาคมสะท้อนการถดถอยแบบอ่อน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 441.47 จุด ลดลง 1.82 จุด, -0.41%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,567.54 จุด เพิ่มขึ้น 11.31 จุด, +0.15%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,696.96 จุด ลดลง 45.29 จุด, -0.67%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,447.61 จุด ลดลง 81.78 จุด, -0.56%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 3.05 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 76.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 2.89 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 82.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล