HoonSmart.com>>บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยให้แนวรับที่ 1,630 และ 1,610 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,660 จุด ตามลำดับ ติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ฟันด์โฟลว์ สถานการณ์โควิดในจีน ด้านธนาคารกสิกรไทยมองค่าเงินบาท 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือนครึ่ง
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (5-9 ธ.ค.2565) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,630 และ 1,610 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,660 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติรวมถึงสถานการณ์โควิดในจีน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลนำเข้าและส่งออกเดือนต.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนี ISM/PMI ภาคการบริการเดือนพ.ย. ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น จีน และยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. ของจีน
ในวันศุกร์ (2 ธ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,641.63 จุด เพิ่มขึ้น 1.28% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 60,992.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.60% ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.01% มาปิดที่ระดับ 582.39 จุด
ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ SET Index ย่อตัวลงช่วงสั้นๆต้นสัปดาห์ จากประเด็นการชุมนุมประท้วงนโยบายควบคุมโควิดในจีนและตัวเลขส่งออกไทยที่พลิกหดตัวในเดือนต.ค. ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา โดยมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังว่าทางการจีนจะผ่อนคลายนโยบายคุมโควิด แรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะชะลอขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี หุ้นลดช่วงบวกลงเล็กน้อยช่วงปลายสัปดาห์ ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ระหว่างรอติดตามตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้นมากสุดในสัปดาห์นี้ โดยมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากความคาดหวังว่าจะได้รับอานิสงส์จากประเด็นขัดแย้งทางการค้าสหรัฐฯ-จีน
ด้านค่าเงินบาท สัปดาห์ถัดไป (5-9 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือนครึ่ง โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ โดยมีแรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอขนาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในการประชุมรอบสุดท้ายของปี ประกอบกับเงินหยวนทยอยฟื้นตัวขึ้นท่ามกลางความหวังว่าทางการจีนน่าจะทยอยผ่อนปรนมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิดในระยะข้างหน้า เงินบาทรักษาทิศทางแข็งค่าไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงก่อนและหลังการประชุมกนง. ซึ่งมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอีก 0.25% ไปที่ 1.25%
นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะพอร์ตการลงทุนระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-2 ธ.ค. 2565 ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทย 25,269 ล้านบาท และ 4,493 ล้านบาท ตามลำดับ
ในวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 เดือนครึ่งที่ 34.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์ เทียบกับระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (25 พ.ย.)