ดาวโจนส์ปิดลบ 194 จุด รอข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตร

HoonSmart.com>> “ดัชนีดาวโจนส์” ปิดลบ 194 จุด แรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นแรงวันก่อน ด้านดัชนีการผลิตลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 30 เดือน นักลงทุนรอข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก ขานรับเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 2 ธันวาคม 2565 ปิดที่ 34,395.01 จุด ลดลง 194.76 จุด หรือ 0.56% ด้วยแรงขายทำกำไรจากที่ปรับขึ้นแรงในวันพุธ หลังดัชนีภาคการผลิตลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 30 เดือน ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,076.57 จุด ลดลง 3.54 จุด, -0.09%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,482.45 จุด เพิ่มขึ้น 14.45 จุด, +0.13%

นักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ย.ทรงตัวที่ 3.7%

เอ็ดเวิร์ด โมยา จาก Oanda กล่าวว่า ตลาดไปต่อไม่ไหวจากที่ปรับขึ้นแรงเมื่อวันพุธ เพราะนักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวที่เผยแพร่ในวันนี้ ทั้งเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลง และตลาดแรงงานที่คลายความร้อนแรง รวมทั้งยังรอข้อมูลค่าจ้างรายชั่วโมงและอัตราว่างงานด้วย

ในเดือนตุลาคม ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบรายปี จาก 6.3% ในเดือนกันยายน ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด ซึ่งเป็นสัญญานว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลง

นอกจากนี้การยื่นรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วมีจำนวน 225,000 ราย ลดลง 16,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้า

อย่างไรก็ตามตลาดลดลงหลังสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงาน ดัชนีภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนลดลงมาที่ 49.0% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 จาก 50.2% ในเดือนตุลาคม และต่ำกว่า 49.8 ที่นักวิเคราะห์คาด

รายงานของ ISM ถือเป็นภาพสะท้อนภาวะเศรษฐกิจ และการที่ตัวเลขต่ำกว่า 50% เป็นสัญญานว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอย และตอกย้ำความคราดหวังว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 79% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนธันวาคม

หุ้นเซลฟอร์ซ ธุรกิจซอฟต์แวร์รายใหญ่ลดลงกว่า 8% จากรายงานว่านายเบรต เทย์เลย์ จะลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัท

หุ้น Costco ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ลดลงราว 6% หลังรายงานยอดขายเดือนพฤศจิกายนต่ำกว่าคาดซึ่งอาจะเป็นสัญญานวาการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเทศกาลวันหยุดปลายปีน่าจะอ่อนตัวลง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นักลงทุนขานรับการส่งสัญญาณชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ของจีน

เอสแอนด์พีโกลบอลรายงานดัชนี PMI ขั้นสุดท้ายเดือนพฤศจิกายนยูโรโซนเพิ่มขึ้นมาที่ 47.1 จาก 46.4 ในเดือนตุลาคม ต่ำกว่า 47.3 ที่เป็นตัวเลขเบื้องต้น

ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมของเยอรมนีหดตัว 5% เมื่อเทียบรายปีและหดตัว 2.8% เมื่อเทียบรายเดือน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 443.96 จุด เพิ่มขึ้น 3.92 จุด, +0.89%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,558.49 จุด ลดลง 14.56 จุด, -0.19%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,753.97 จุด เพิ่มขึ้น 15.42 จุด, +0.23%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,490.30 จุด เพิ่มขึ้น 93.26 จุดล +0.65%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 81.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 86.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล